"กกต." อย่าดองเรื่อง เงินกู้พรรคอนาคตใหม่

17 ก.ย. 2562 | 10:43 น.

คอลัมน์ที่นี่ไม่มีความลับ ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3506 หน้า 16 ระหว่างวันที่ 19-21 ก.ย.2562 โดย...เอราวัณ

 

"กกต." อย่าดองเรื่อง

เงินกู้พรรคอนาคตใหม่!

 

          “ความยุติธรรมที่ล่าช้า คือความอยุติธรรมอย่างหนึ่ง”  คติเตือนใจที่เกี่ยวข้องกับการอำนวยความยุติธรรมในทุกวงการ  ยกเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อเตือนการทำหน้าที่ของ “กกต” ที่ถูกตั้งคำถามหลายเรื่องว่า จงใจ “ดอง” คำร้องเรียนที่มีการร้องกกต.ในหลายเรื่องหรือไม่ เพราะหลายกรณี “อืดเหมือนเรือเกลือ” ยกตัวอย่าง เรื่องที่ ศรีสุวรรณ จรรยา ร้องให้มีการสอบเรื่องการปล่อยเงินกู้ 110 ล้านบาท ของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ต่อพรรคอนาคตใหม่                                           

          ศรีสุวรรณ จรรยา ร้องว่าการปล่อยเงินกู้ครั้งนี้ผิดพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 62 ที่ให้พรรคการเมืองมีรายได้จาก 7 ทาง คือ เงินทุนประเดิมตามมาตรา 9 วรรคสอง, เงินค่าธรรมเนียมและค่าบำรุงพรรคการเมือง ตามที่กำหนดในข้อบังคับ, เงินที่ได้จากการจำหน่ายสินค้าหรือบริการของพรรคการเมือง, เงิน ทรัพย์สินและประโยชน์อื่นใดที่ได้จากการจัดกิจกรรมระดมทุนของพรรคการเมือง, เงิน ทรัพย์สินและประโยชน์อื่นใดจากการบริจาค, เงินอุดหนุนจากกองทุน และดอกผล และรายได้ที่เกิดจากเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดของพรรคการเมือง เท่านั้น ไม่สามารถจะมีการสนับสนุนทางอื่นนอกจากที่กฎหมายฉบับนี้กำหนดได้ จึงเป็นเหตุให้ ศรีสุวรรณ จรรยา ยื่นเรื่องให้กกต.มีความเห็นส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคอนาคตใหม่ ตั้งแต่วันที่ 21 พฤษภาคม 2562

          เหมือนเรื่องเงียบหายไปใน “กลีบเมฆ” หลังยื่นเรื่องไปสำนักงานเลขาธิการกกต. ที่ พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา กุมบังเหียนเป็นเลขาธิการ เรียก ศรีสุวรรณ จรรยา ไปให้ข้อมูลเพิ่มเติมครั้งเดียว เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2562 จนเจ้าตัวทนไม่ไหว จะทวงถามเรื่องนี้ว่า “ถูกดอง”หรือไม่

          ความจริงเรื่องนี้ สืบไม่ยาก เพราะ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นคนไปโม้เองกับสโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศในประเทศไทย (FCCT) ว่าให้เงินกู้กับพรรคอนาคตใหม่ 110 ล้านบาท และต่อมา “ช่อ” พรรณิการ์ วานิช  ย้ำว่า การกู้ครั้งนี้ “เป็นมติกรรมการบริหารพรรค” เรียกว่าครบถ้วนบริบูรณ์ไม่ต้องสืบอะไรเพิ่ม แค่ “ชี้ข้อกฎหมาย” แต่สำนักงานเลขาธิการ กกต. ยังไม่สรุปเรื่องส่งให้คณะกรรมการ กกต. ทั้ง 7 ได้พิจารณาเสียที มีเจตนาอะไร น่าติดตามอย่างยิ่ง

          ต้อง “ไขลาน” คนในกกต. ที่บางคนทำงานแบบ “ฉีกปฏิทินรอ” รอเกษียณเพื่อจะไม่มีศัตรูติดตัว บางคนรอเพื่อจะไปสู้ต่ำแหน่งใหม่ที่คิดว่าดีกว่า แต่ถ้าทำงานแบบ “ฉีกปฏิทิน” รอแบบนี้ ลาออกไปเสียดีกว่า อย่าอยู่ให้เสียเวลาประเทศ กินเงินเดือนอันเป็นภาษีของประชาชน เปลืองข้าวเปลืองน้ำเปล่าๆ