ทรัมป์สั่งเปิดวาล์วคลังน้ำมันสำรอง รักษาอุปทานน้ำมันโลก

16 ก.ย. 2562 | 05:09 น.

แม้กลุ่มกบฏฮูตีในเยเมนจะออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์โรงกลั่นน้ำมันสองแห่งในซาอุดิอาระเบียถูกโจมตีจากโดรนติดอาวุธเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (14 ก.ย.) จนได้รับความเสียหายและมีผลทำให้กำลังการผลิตน้ำมันของซาอุฯหายไปทันทีราว 50% ของกำลังการผลิตทั้งประเทศ โดยกลุ่มกบฏได้ออกแถลงการณ์ผ่านสำนักข่าวอัล-มาสิราห์ (Al-Masirah) ของตนเองว่าได้ใช้โดรน 10 ตัวในการก่อเหตุดังกล่าว แต่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐอเมริกาได้ออกมาตั้งข้อสงสัยว่า การโจมตีครั้งนี้แสดงหลักฐานให้เห็นว่า ผู้ที่อยู่เบื้องหลังน่าจะเป็นอิหร่านมากกว่ากลุ่มกบฏฮูตี

“มีเหตุผลที่จะเชื่อว่าเรารู้ตัวแล้วว่าผู้ร้ายคือใคร อาวุธของเราบรรจุกระสุนพร้อมรบ"

ไม่เพียงเท่านั้น วานนี้ (15 ก.ย.) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ยังออกมาโพสต์ในทวิตเตอร์ส่วนตัวแสดงท่าทีพร้อมปะทะกับใครก็ตามที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์โจมตีแหล่งผลิตน้ำมันแหล่งใหญ่ที่สุดในโลกครั้งนี้ โดยเขาทวีตว่า “มีเหตุผลที่จะเชื่อว่าเรารู้ตัวแล้วว่าผู้ร้ายคือใคร อาวุธของเราบรรจุกระสุนพร้อมรบ แต่เรารอให้ราชอาณาจักรซาอุฯออกมาระบุว่าพวกเขาเชื่อว่าใครคือต้นเหตุการโจมตีครั้งนี้ และภายใต้เงื่อนไขอย่างไรที่จะให้เราเดินหน้าปฏิบัติการ!”  

 

ผู้นำสหรัฐฯยังเผยด้วยว่า เขาได้สั่งการให้นำน้ำมันในคลังสำรองฉุกเฉินของสหรัฐฯมาใช้เพื่อสร้างสเถียรภาพด้านอุปทานในตลาดหลังเกิดการโจมตีโรงกลั่นน้ำมันของซาอุฯเมื่อสุดสัปดาห์ซึ่งทำให้จำเป็นต้องปิดทำการชั่วคราวและปริมาณการผลิตของซาอุฯจะหายไปกว่าครึ่งหนึ่ง (แหล่งผลิตทั้ง 2 แห่งที่ถูกโจมตี มีกำลังการผลิตรวมกันกว่า 8.45 ล้านบาร์เรลต่อวัน) และนั่นก็หมายถึง 5% ของกำลังการผลิตน้ำมันดิบของโลกที่จะหายไป

ทรัมป์สั่งเปิดวาล์วคลังน้ำมันสำรอง รักษาอุปทานน้ำมันโลก

“จากการโจมตีที่เกิดขึ้นที่อาจจะส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมัน ผมได้สั่งการให้สามารถนำน้ำมันในคลังสำรองปิโตรเลียมเพื่อยุทธศาสตร์ (Strategic Petroleum Reserve)มาใช้หากจำเป็น ในปริมาณที่เพียงพอที่จะรักษาอุปทานในตลาดซึ่งจะเป็นปริมาณเท่าไรนั้นยังต้องพิจารณาตัดสินใจกันในลำดับต่อไป”

 

ประธานาธิบดีทรัมป์ยังกล่าวว่า ได้แจ้งไปยังทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เร่งอนุมัติโครงการวางท่อน้ำมันที่กำลังอยู่ในกระบวนการรอการอนุมัติในมลรัฐเท็กซัสและอีกหลายมลรัฐ  อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่เกิดเหตุโจมตีโรงกลั่นน้ำมันของซาอุฯล่าสุดนี้ ราคาน้ำมันดิบซื้อขายล่วงหน้าได้ทะยานขึ้นไปแล้ว 15% จากความกังวลที่ว่าการปิดโรงกลั่นชั่วคราวจะส่งผลให้ปริมาณน้ำมันในตลาดโลกตึงตัว และจากแนวโน้มการเผชิญหน้าและความตึงเครียดในตะวันออกกลางที่เพิ่มมากขึ้น