ตราบาปประเทศไทยฝันร้าย 10 ปีล้มประชุมอาเซียน

11 ก.ย. 2562 | 09:14 น.

 

 

           เช้าวันนี้ของ10 ปีก่อน (11 เม.ย.2552 )ที่โรงแรมรอยัลคลิฟบีช พัทยา สถานที่ท่องเที่ยวชื่อก้องโลก ต้องเกิดความระทึกอย่างสุดระงับขึ้นของทั้งบรรดาแขกเหรื่อในโรงแรมและนักท่องเที่ยวทั่วไปในเมืองพัทยา

            วันนั้นของเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ณ สถานที่โรงแรมแห่งนี้ ถูกกำหนดให้เป็นสถานที่ประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนกับคู่เจรจา(อาเซียนซัมมิต) รัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เจอไฟท์บังคับที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ในฐานะประธานอาเซียน เจ้าภาพที่ต้องจัดการประชุม เหมือนกับการประชุมอาเซียนที่ไทยเป็นเจ้าภาพวนเวียนมาอีกครั้งในปีนี้

             ผู้นำประเทศอาเซียน 10 ประเทศพร้อมเข้าร่วมประชุม ผู้นำประเทศคู่เจรจา+3 จีน เกาหลี ญี่ปุ่น พร้อมเข้าร่วมประชุม

            ขณะที่การประชุมดำเนินการไป โดยปกติผู้นำอาเซียนเขาจะหารือกันก่อนและวันหลังๆหรือท้ายๆจะหารือกับคู่เจรจา+3และ+6  ถ้าเป็นซัมมิตปลายปีจะ+สหรัฐ รัสเซีย ยูเอ็น เข้ามาด้วย            

                           ตราบาปประเทศไทยฝันร้าย 10 ปีล้มประชุมอาเซียน

 

 

 

            วันที่ 11 เม.ย.2552 ถูกกำหนดวาระให้เป็นเวทีผู้นำอาเซียน+3 หมายถึงอาเซียน10 ประเทศบวกกับผู้นำจีน ญี่ปุ่น เกาหลี

            สถานการณ์ขณะนั้นมีการชุมนุมประท้วงของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)มีเวทีกลางที่ถนนราชดำเนิน และมีการชุมนุมของมวลชนคนเสื้อแดงแบบดาวกระจาย

            เช้าวันนี้ของ 10 ปีที่แล้ว อริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำนปช.นำมวลชนจำนวนประมาณ 500 คน ประสานกับเวทีส่วนกลางในกรุงเทพ  

            ความวุ่นวายปะทุขึ้นตั้งแต่เช้า มีการปะทะกันระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงกับกลุ่มที่ใส่เสื้อสีน้ำเงิน ในบริเวณแยกพระตำหนักทางขึ้นโรงแรมรอยัลคลิฟฯ

            กลุ่มเสื้อแดงประกาศว่าเดินขึ้นไปชุมนุมหน้าโรงแรม กลุ่มเสื้อสีน้ำเงินเข้าขัดขวาง ทั้งสองฝ่ายต่างใช้ก้อนหิน และท่อนไม้ขว้างปาใส่กัน มีเสียงปืนดังขึ้นและมีระเบิดควันมีการตอบโต้กันด้วยการใช้หนังสติ๊กยิงลูกเหล็กและลูกหินเข้าหากัน มีผู้บาดเจ็บสองฝ่าย

                    ตราบาปประเทศไทยฝันร้าย 10 ปีล้มประชุมอาเซียน

            หลังปะทะกันกลุ่มเสื้อแดงเจรจากับทหาร ฝ่าด่านขึ้นมาชุมนุมหน้าโรงแรมได้ นายอริสมันต์นำทีมบุกเข้าโรงแรมเพื่อจะแถลงข่าว ฝ่ายรัฐบาลส่งอลงกรณื พลบุตร รมช.พาณิชย์มาเจรจา แต่ไม่มีการเจรจาด้วย  นายอริสมันต์ พร้อมผู้ติดตาม 10 คน เดินเข้าในโรงแรม พร้อมตั้งโต๊ะแถลงข่าว เรียกร้องให้นายกฯลาออก และยกเลิกการประชุมอาเซียน เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่มีคนยิงปืนใส่กลุ่มคนเสื้อแดง จนมีผู้บาดเจ็บหลายราย

            ช่วงเที่ยงของวันหลังปะทะกันช่วงเช้าแล้วกลุ่มคนเสื้อแดงเพิ่มจำนวนมากกว่า 2 พันคน บุกเข้าไปในอาคารพีช ที่โรงแรมรอยัล คลิฟ บีช รีสอร์ท ซึ่งเป็นศูนย์ข่าวของที่ประชุมอาเซียน มีเหตุทุบกระจกโรงแรมแตก และตามหาตัวนายอภิสิทธิ์ นายกฯขณะนั้น  ระหว่างนั้นเสียงโห่ร้องดัง โบกไม้ โบกมือ ตะโกน ชูป้ายระหว่างเข้าในโรงแรม

            ในห้องฝ่ายเลขาการประชุม ของแต่ละคณะ แต่ละประเทศ อกสั่นขวัญหาย ด้วยความกลัวของคณะเจ้าหน้าที่ผู้มาร่วมประชุมจากประเทศต่างๆ หลังจากได้เห็นผู้ชุมนุมถือไม้เข้าไป

             ได้เห็นภาพเจ้าหน้าที่ทูตจากประเทศพม่าถึงกับร้องไห้ 

            รัฐมนตรีต่างประเทศของอินโดนีเซีย ที่กำลังรับประทานอาหารกลางวันอยู่ ก็ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ดึงตัวออกไปโดยเร็ว     

                                  ตราบาปประเทศไทยฝันร้าย 10 ปีล้มประชุมอาเซียน     

 

         อริสมันต์ ตอบคำถามผู้สื่อข่าวในระหว่างนั้น กรณีความเสียหายที่เกิดจากการทำลายทรัพย์สิน กระจกแตก  โดยบอกว่า มีกระจกแตกด้วยเหรอ ให้โรงแรมแจ้งค่าเสียหายมาพร้อมรับผิดชอบทั้งหมด

         ภาพถัดมาที่ได้เห็นกันมีการนำผู้นำอาเซียนและคู่เจรจาบางประเทศ ขึ้นเรือเร็วออกไปจากท่าเรือของโรงแรมรอยัลคลิฟบีช ซึ่งคนไทยที่รับชมภาพข่าวทางทีวีบางคนน้ำตาตกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ด้วยความรู้สึกอับอายคนทั้งโลก ในฐานะเจ้าภาพที่ถูกขัดขวางการประชุมด้วยความรุนแรง

            กระทรวงต่างประเทศแถลงว่า นายอภิสิทธิ์ ได้แจ้งเลื่อนการประชุมให้ผู้นำอาเซียนรับทราบ ซึ่งผู้นำทุกคนเข้าใจ

            อันที่จริงในการประชุมระดับโลกหรือระดับใหญ่แบบนี้ ไม่ใช่ว่าไม่เคยเกิดเหตุการณ์ประท้วง อย่างการประชุมดับเบิลยูทีโอ องค์การการค้าโลกที่ซีแอตเติ้ล สหรัฐ ก็มีการบุกไปประท้วงยังสถานที่ประชุม จนการประชุมล่มมาแล้วเช่นกัน กระทั่งการประชุมรัฐมนตรีการค้าโลกที่ฮ่องกง ก็มีกลุ่มผู้ประท้วงบุกไปปิดล้อมศูนย์การประชุมเช่นเดียวกัน

            มีความรุนแรงบ้าง แต่เป็นแบบประปราย ที่จำกัดอยู่บริเวณรอบนอกสถานที่ประชุม            

              ต่างจากการชุมนุมประท้วงของไทยวันนั้นที่เต็มไปด้วยความรุนแรง อารมณ์โมโห โกรธ  และประชาชนทั่วไปรู้สึกได้ในวันนั้นว่าผู้นำของประเทศต่างๆของโลกที่มาร่วมประชุมมีความเสี่ยงในด้านความปลอดภัย เพราะเหตุการณ์เหมือนจะไม่มีใครคุมใคร หรือสั่งการใครได้

            วันนี้ ปีนี้ 10 ปีพอดี ศาลฎีกาได้อ่านคำพิพากษาสั่งจำคุกแกนนำผู้นำมวลชนบุกขัดขวางการประชุมคราวนั้น

            แม้ศาลจะพิพากษาแล้ว แต่ตราบาป ภาพลักษณ์ ที่เกิดขึ้นกับประเทศไทยเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ยังมิอาจลบเลือนลงไปได้

           ....หลายคนยังฝันร้ายในทุกค่ำคืน !!!

 

               + คอลัมน์อยู่บนภู ฐานเศรษฐกิจ โดย...กระบี่เดียวดาย