"ธนกร"โชว์รัฐบาลผลงานอื้อ เร่งวางหลักเกณฑ์ก่อนทยอยประกาศ
"ธนกร"ชูผลงานรัฐบาลอื้อ ทั้งมาตรการบรรเทาค่าครองชีพ ช่วยเกษตรกรประสบภัยแล้ง ส่งเสริมท่องเที่ยวในประเทศ มาตรการชิม ช็อป ใช้ เพิ่มเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เพิ่มเงินเลี้ยงดูบุตร พักหนี้กองทุนหมู่บ้าน สนับสนุนต้นทุนค่าปลูกข้าวนาปี ลงทุนใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย ย้ำทุกนโยบายทยอยออกหลังผ่านการพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์ที่เหมาะสมแล้ว
นายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) กล่าวถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าพรรคพลังประชารัฐไม่มีผลงาน ที่มีก็เป็นเพียงการต่อยอดนโบายเก่า ว่า นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) เคยให้สัมภาษณ์ไว้หลายครั้งแล้วว่า ยืนยันจะดำเนินการทุกนโยบายแต่ต้องมีขั้นตอน ซึ่งที่ผ่านมาได้สั่งการให้สำนักเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ศึกษา เพื่อเตรียมการอย่างรอบด้าน เพราะการทำทันทีไม่ได้หมายความว่าเมื่อเป็นรัฐบาลแล้วจะต้องทำทุกอย่างทันที แต่ขึ้นอยู่กับการพิจารณาและกำหนดหลักเกณฑ์เพื่อความเหมาะสมด้วย
ทั้งนี้ ที่ผ่านมารัฐบาลก็มีผลงานมากมายเป็นที่ประจักษ์ อาทิ มาตรการบรรเทาค่าครองชีพให้ประชาชนผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยแล้ง มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ มาตรการชิม ช็อป ใช้ ช่วงเดือนกันยายน-พฤศจิกายน 2562 การเพิ่มเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ การเพิ่มเงินเลี้ยงดูบุตร พักหนี้กองทุนหมู่บ้าน สนับสนุนต้นทุนค่าปลูกข้าวนาปี ในปีการผลิต 2562/2563 มาตรการกระตุ้นการลงทุนภายในประเทศ และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 316,000 ล้านบาท
นายธนกร กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมารัฐบาลยังมีการลงทุนใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย รวมถึงยกเว้นภาษีนิติบุคคล 5-8 ปี (ขึ้นกับลักษณะกิจการ) ลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มเติม 50 % รวม 3 ปี เพิ่มมาตรการจูงใจการลงทุน ทั้งพัฒนาบุคลากร และชักจูงการลงทุนรายประเทศ ขณะที่การลดหย่อนภาษีบุคคลธรรมดา 10% นั้น รัฐบาลจะดูเรื่องภาษีทั้งหมด ต้องดูการปรับโครงสร้างภาษี โดยพิจารณารายได้ของประชาชนด้วย เพื่อให้เกิดความสมดุล โดยได้มอบหมายให้ปลัดกระทรงการคลังตั้งคณะทำงานขึ้นมาศึกษา ส่วนนโยบายอื่น ๆ นั้นก็อยู่ระหว่างการพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์ต่าง ๆ เพื่อความเหมาะสม ดังนั้น ทุกนโยบายของรัฐบาลจะได้เห็นนโยบายทยอยออกมาเป็นระยะๆ ตามความเหมาะสมอย่างแน่นอน เพื่อเศรษฐกิจไทยที่มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน "นายธนกรกล่าว
