LKS ยกเครื่องแบรนด์ สู้ศึกตลาดเครื่องดื่มอินสแตนต์

12 ก.ย. 2562 | 03:23 น.

        Gen 2 “แอล.เค.เอส.” สู้ศึกตลาดเครื่องดื่มอินสแตนต์เมืองไทย เดินหน้าปรับโฉม 4 แบรนด์รวด “อินน่า-เจ ซูเปอร์ เจ-, อาริก้า-ละวิตา” สู่ภาพลักษณ์ใหม่สุดทันสมัย หวังขยายฐานลูกค้าดันรายได้โต 40%

        นายชัญชกร เหลืองตระกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.เค.เอส.ฟู้ด เมคเกอร์ จำกัด ผู้ผลิตเครื่องดื่มพร้อมชง ภายใต้แบรนด์ อินน่า, เจ ซูเปอร์ เจ, อาริก้า และละวิตา เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ยุทธศาสตร์หลักของการดำเนินงานในฐานะเจเนอเรชัน 2 นับจากนี้จะให้ความสำคัญกับการสร้างแบรนด์ให้มีความแข็งแกร่ง เพื่อเป็นการขยายฐานลูกค้าให้มากขึ้น และรองรับการแข่งขันในอินสแตนต์เมืองไทยที่รุนแรงต่อเนื่อง ทั้งในกลุ่มของผลิตภัณฑ์ 3 อิน 1 และธัญพืชพร้อมชง โดยล่าสุดบริษัทได้รีแบรนด์ภาพลักษณ์ใหม่ให้กับแบรนด์ในเครือทั้งหมด ได้แก่ อินน่า, เจ ซูเปอร์ เจ, อาริก้า และละวิตา สู่ภาพลักษณ์ใหม่ในสไตล์โมเดิร์น พร้อมกับการปรับแพ็กเกจจิ้งให้มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น

       “ด้วยอายุแบรนด์ที่มีมากว่า 20 ปี ทำให้มีภาพลักษณ์ค่อนข้างโบราณ และกลุ่มลูกค้ามีอายุสูงขึ้น ทำให้ต้องรีอิมเมจของแบรนด์ในเครือทั้ง 4 แบรนด์ให้มีความโมเดิร์นมากขึ้น ในการรองรับการแข่งขันและขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มใหม่ๆ โดยบริษัทได้เริ่มทยอยรีแบรนด์แต่ละแบรนด์ในเครือมาตั้งแต่ช่วง 4 ปีที่ผ่านมาและแล้วเสร็จพร้อมจะเดินหน้ารุกตลาดอย่างจริงจังตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป”

LKS ยกเครื่องแบรนด์ สู้ศึกตลาดเครื่องดื่มอินสแตนต์

       สำหรับแผนงานหลักนับจากนี้จะโฟกัสการทำตลาดไปยังแบรนด์ละวิตา และอินน่า เนื่องจากมองว่าทั้ง 2 แบรนด์มีศักยภาพทางการเติบโตที่ดี โดยแบรนด์ละวิตามีจุดแข็งที่มีหน้าร้านกาแฟเป็นของตัวเอง ทำให้ง่ายต่อการสื่อสารแบรนด์ไปยังกลุ่มเป้าหมาย โดยภายหลังการรีแบรนด์พบว่าสามารถขยายฐานคนรุ่นใหม่ นักเรียน นักศึกษา วัยเริ่มทำงานได้มากขึ้น จากเดิมที่ฐานลูกค้าหลักของแบรนด์ละวิตา เป็นกลุ่มคนวัยทำงานที่มีอายุ ขณะที่แบรนด์ อินน่า มีจุดเด่นคือเรื่องช่องทางการจำหน่ายที่อยู่ในรีเทล ซึ่งถือเป็นช่องทางที่มีการเติบโตสูง ทำให้บริษัทโฟกัสการสร้างแบรนด์ในช่องทางรีเทลเพื่อรองรับการเติบโต โดยมีแผนในการเปิดตัวพรีเซนเตอร์อย่างเป็นทางการในเร็วๆนี้

LKS ยกเครื่องแบรนด์ สู้ศึกตลาดเครื่องดื่มอินสแตนต์

ชัญชกร เหลืองตระกูล 

       “แต่ละแบรนด์มีจุดแข็งที่แตกต่างกันไม่ว่าจะเป็นแบรนด์อินน่า ที่มีจุดเด่นด้านความอ่อนนุ่มของรสชาติกาแฟ และธัญพืชที่ดีต่อสุขภาพ, แบรนด์เจ ซูเปอร์ เจ ที่มีความเข้มข้น เน้นทำตลาดในช่องทางเทรดิชันนัลเทรด หัวเมืองใหญ่, แบรนด์อาริก้าที่มีฐานลูกค้าหลักในตลาดภาคใต้ ขณะที่แบรนด์ละวิตา มีจุดเด่นคือแบรนด์ที่แข็งแกร่งและมีฐานลูกค้าคนรุ่นใหม่จำนวนมาก ดังนั้นการทำตลาดในแต่ละแบรนด์ของเราจะแตกต่างกันออกไป โดยไม่มีการรวมแบรนด์แต่อย่างใด เนื่องจากแต่ละแบรนด์มีจุดเด่น และฐานลูกค้าที่แตกต่างกันอยู่แล้ว”

LKS ยกเครื่องแบรนด์ สู้ศึกตลาดเครื่องดื่มอินสแตนต์

        ทั้งนี้เพื่อเป็นการรองรับการเติบโตและแนวโน้มของแบรนด์ในเครือที่มีการขยายตัวมากขึ้นภายหลังการรีแบรนด์ บริษัทได้มีการปรับกลยุทธ์เชิงการผลิตในโรงงานย่านพระราม 2 ที่เป็นปัจจุบันมีกำลังการผลิตเต็มแล้ว ให้สามารถหมุนเวียนการผลิตได้โดยการขยายเวลาการผลิตในช่วงที่มีออร์เดอร์เข้ามาจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นช่วงเทศกาลกินเจ เป็นต้น โดยปัจจุบันบริษัทมีการผลิตสินค้าแบรนด์ของตัวเอง 40% และรับจ้างผลิต 60% พร้อมกันนี้บริษัทยังมีแผนในการขยายโรงงานแห่งที่ 2 บนพื้นที่ 2 ไร่ ในย่านมหาชัย เพื่อรองรับการเติบโตซึ่งเป็นแผนงานระยะยาวของบริษัท เบื้องต้นคาดการณ์ว่าจะต้องใช้เงินลงทุนหลักหลายสิบล้านบาท

       “นอกจากตลาดในประเทศแล้ว ปัจจุบันยังมีนักธุรกิจชาวจีนให้ความสนใจในการนำสินค้าของเราไปวางจำหน่าย แต่อย่างไรก็ตามบริษัทยังอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ การทำตลาด และต้นทุน ซึ่งคงต้องใช้ระยะเวลา โดยในช่วงแรกของการทำตลาดภายหลังการรีแบรนด์แล้วเสร็จคือการโฟกัสตลาดภายในประเทศให้มีความแข็งแกร่งเสียก่อน”

LKS ยกเครื่องแบรนด์ สู้ศึกตลาดเครื่องดื่มอินสแตนต์

      อย่างไรก็ตามบริษัทวางเป้าหมายการเติบโตในสิ้นปีนี้ไว้ที่ 30-40% แบ่งเป็นรายได้ที่มาจากแบรนด์ อินน่า 30%, เจ ซูเปอร์ เจ 30% ,อาริก้า 20% และละวิตา 10-20% โดยปัจจุบันบริษัทมีจำนวนสินค้าในเครือทั้งสิ้น 11 รายการ จาก 4 แบรนด์ แบ่งเป็น กาแฟ 70% และกลุ่มธัญพืชพร้อมชง 30% โดยวางเป้าหมายระยะยาวในอนาคตในการก้าวสู่การเป็นผู้ให้ดำเนินธุรกิจที่ผู้บริโภคนึกถึงผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพมาเป็นอันดับแรก 

หน้า 32 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ | ฉบับ 3504 ระหว่างวันที่ 12 - 14  กันยายน 2562