‘บิ๊กตู่’ เร่งเครื่อง อัดแพ็กเกจ ดึงทุนนอก

09 ก.ย. 2562 | 23:00 น.

ครม.เศรษฐกิจเคาะแพ็กเกจ “Thailand Plus” กระตุ้นและเร่งรัดการลงทุน 7 ด้าน ทั้งมาตรการภาษี การพัฒนาบุคลากร ปรับปรุงกฎระเบียบด้านการลงทุน และเร่งรัดข้อสรุปข้อตกลงการค้า CPTPP บีโอไอเดินสายจีบจีน ญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการและเลขานุการ ครม.เศรษฐกิจ เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการ รัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) วันที่ 6 กันยายน 2562 มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ที่ประชุมเห็นชอบแพ็กเกจเร่งรัดการลงทุน และรองรับการย้ายฐานการผลิต สืบเนื่องจากผลกระทบของสงครามการค้า หรือ Thailand Plus Package 7 ด้าน ดังนี้

 

1. ด้านสิทธิประโยชน์ ให้บีโอไอกําหนดมาตรการสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมเพื่อเร่งรัดการลงทุน โดยลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล 50% เป็นเวลา 5 ปี เพิ่มเติมจากเกณฑ์ปกติ สําหรับโครงการที่มีเงินลงทุนจริงอย่างน้อย 1,000 ล้านบาท ภายในปี 2564 โดยต้องยื่นขอรับการส่งเสริมภายในปี 2563

2. ด้านการปรับปรุงประสิทธิภาพการดําเนินการของหน่วยงาน ให้จัดตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนและประสานงานการลงทุน ในลักษณะ One Stop Service โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เพื่ออํานวยความสะดวกและช่วยแก้ไขปัญหาและอุปสรรคแก่นักลงทุน รวมทั้งให้สํานักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) สามารถอนุมัติโครงการในกลุ่มกิจการที่ไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล ทุกขนาด การลงทุน เพื่อตอบสนองนัก ลงทุนที่ต้องการย้ายฐานโดยเร็ว

3. ด้านบุคลากร ให้กําหนด มาตรการการคลังเพื่อสนับสนุนการฝึกอบรมแรงงาน โดยให้ผู้ประกอบการนําเงินลงทุนหรือค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมที่เข้าข่าย Advanced Technology ไปหักลดหย่อนเพิ่มขึ้น ระหว่างปี 2562-2563 รวมทั้งให้มีมาตรการสนับ สนุนให้ผู้ประกอบการจ้างงานบุคลากรทักษะสูง ในสาขาด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และวิศวกรรมขั้นสูง โดยสามารถ นําค่าจ้างไปหักค่าใช้จ่ายได้ ระหว่าง ปี 2562-2563

‘บิ๊กตู่’ เร่งเครื่อง  อัดแพ็กเกจ  ดึงทุนนอก

กรณีโครงการลงทุนที่ได้รับการส่งเสริมและยังมีสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้ บีโอไอจะอนุญาตให้นําค่าใช้จ่ายด้านการฝึกอบรมที่เข้าข่ายเป็น Advanced Technology ไปคํานวณ รวมเป็นวงเงินยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลได้เป็น 200%

4. ด้านความสะดวกในการประกอบธุรกิจ (Ease of Doing Business) มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ เร่งปรับปรุงบัญชีแนบท้ายตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 และกฎหมายที่เป็นอุปสรรคและข้อจํากัดต่อการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย นอกจากนี้ยังขอให้บีโอไอและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งรัดเชื่อมโยงข้อมูลเพื่ออํานวยความสะดวกแก่นักลงทุนมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มที่มีความเชี่ยวชาญสูง

5.มอบหมายให้การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศ ไทย เตรียมจัดหาและพัฒนาพื้นที่ที่เหมาะสม เพื่อรองรับการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติแต่ละประเทศเป็นการเฉพาะ เช่น เกาหลี จีน ไต้หวัน เป็นต้น

6.ขอให้กระทรวงพาณิชย์เร่งสรุปผลการศึกษา และกระบวนการต่างๆ ให้ได้ข้อสรุป เรื่องการฟื้นการเจรจาความตกลงการค้าไทย-อียู และการเข้าร่วมความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก (CPTPP) ภายในปี 2562 รวมทั้งมอบให้สํานักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบประมาณแก่กระทรวงพาณิชย์ สําหรับกองทุนช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้าด้วย และ

7. ให้กระทรวงการคลังกําหนดมาตรการเพิ่มเติม โดยให้หักเงินลงทุนด้านระบบอัตโนมัติได้เพิ่มขึ้น ระหว่างปี 2562-2563 เพื่อกระตุ้นให้เกิดการลงทุนปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตด้วยระบบอัตโนมัติ อันจะช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับห่วงโซ่อุปทานในประเทศไทย

นางสาวดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการบีโอไอ กล่าวว่า ในด้าน การชักจูงการลงทุนนั้น บีโอไอ จะร่วมกับหน่วยงานพันธมิตร จัดทีมบูรณาการโรดโชว์และทําการตลาดเชิงรุก โดยเน้นชักจูงนักลงทุนในประเทศเป้าหมาย ได้แก่ ประเทศจีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน และเกาหลี เป็นต้น

“ประเทศไทยมีนโยบายพัฒนาเศรษฐกิจที่สอดคล้องกับนโยบาย New Southern Policy ของเกาหลีใต้ Belt and Road Initiative (BRI) ของจีน ยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก ของญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา และนโยบายมุ่งตะวันออก (Look East Policy) ของอินเดีย นอกจากนั้น ยังมีจุดเด่นในการเป็นศูนย์กลาง เชื่อมโยงไปยังกลุ่ม ACMECS หรือ CLMVT การออกมาตรการ Thailand Plus ครั้งนี้ จะเป็นโอกาสครั้งสําคัญ ในการดึงดูดการลงทุนสําหรับนักลงทุนที่ต้องการย้ายฐานการผลิตมายังประเทศไทยมากขึ้น” นางสาวดวงใจกล่าว

หน้า 1 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3503 วันที่ 8-11 กันยายน 2562

‘บิ๊กตู่’ เร่งเครื่อง  อัดแพ็กเกจ  ดึงทุนนอก