โตโยต้าส่ง"ไฮบริด"ถล่มตลาด-ลุยทุกโมเดลรับภาษีต่ำ

09 ก.ย. 2562 | 04:10 น.

 

โตโยต้าเล็งสอย “ฮอนด้า ซีวิค” ร่วงแชมป์คอมแพ็กต์คาร์ หวัง“อัลติส โฉมใหม่” ขาย 2,300 คัน/เดือน โดย 50% เป็นรุ่นไฮบริด และดันขุมพลังลูกผสมนี้ให้มีในเก๋งทุกโมเดลพร้อมเปิดแคมเปญขยายระยะ เวลาประกันแบตเตอรี่ให้รถมือสอง

โตโยต้าเดินหน้าถล่มตลาดรถยนต์นั่งด้วยขุมพลังไฮบริด ที่เสียภาษีสรรพสามิต 4% พร้อมกดราคาขายตํ่า ภายใต้แพ็กเกจส่งเสริมการลงทุนใหม่มูลค่า 2 หมื่นล้านบาท หลังประเดิมด้วย “ซี-เอชอาร์” และ “คัมรี่” ช่วยดันยอดขายสะสมโตโยต้าไฮบริดในไทยทะลุ 7.8 หมื่นคัน (รวมพริอุสและคัมรี่ไฮบริดรุ่นเก่า)

ล่าสุดกับ “โคโรลล่า อัลติส โฉมใหม่” ที่วางรุ่นเริ่มต้นเครื่องยนต์เบนซิน 1.6 ลิตร และเจาะกลุ่มแท็กซี่ด้วยรุ่นลิโม่ (ปกติมียอดขาย 550-600 คัน/เดือน) ราคา 8.29 แสนบาท โดยไม่มีรุ่นเกียร์ธรรมดา ส่วนรุ่นเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร ตัดเหลือเพียงรุ่นย่อยเดียวคือ 1.8 GR-Sport ราคา 9.99 แสนบาท (เดิมมี 1.8E 1.8S และ1.8 V Navi) แทนด้วยไฮบริดเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร ผสานงานกับมอเตอร์ไฟฟ้า 3 รุ่นย่อย ราคา 9.39 แสน-1.099 ล้านบาท

จากการวางรุ่นย่อยและการตั้งราคา ชัดเจนว่าโตโยต้าพยายามผลักดันยอดขายในขุมพลังไฮบริดอย่างเต็มที่ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีตนเองถนัดอันสอดคล้องกับแผนการลงทุนในไทยมูลค่า 2 หมื่นล้านบาท ครอบคลุมการผลิตรถยนต์แลประกอบแบตเตอรี่นิเกิลเมทัล ไฮดรายที่โรงงานเกตเวย์ จ.ฉะเชิงเทราโดยรถที่ได้รับสิทธิพิเศษจากแผนลงทุนดังกล่าว เสียภาษีสรรพสามิตเพียง  4% (รถไฮบริดปล่อยไอเสียไม่ถึง 100 กรัม/กม.) จึงเป็นเหตุผลที่ทำราคาได้น่าสนใจ

โตโยต้าส่ง"ไฮบริด"ถล่มตลาด-ลุยทุกโมเดลรับภาษีต่ำ โตโยต้าส่ง"ไฮบริด"ถล่มตลาด-ลุยทุกโมเดลรับภาษีต่ำ

 

โตโยต้าส่ง"ไฮบริด"ถล่มตลาด-ลุยทุกโมเดลรับภาษีต่ำ

แต่ประเด็นนี้ยังเป็นที่สงสัยจากบรรดาค่ายรถยนต์อื่นๆว่า เทคโนโลยีไฮบริดของโตโยต้าที่ปูพรมถล่มตลาดจะไม่ต่อยอดไปถึง รถพลังงานไฟฟ้า 100% (อีวี) ตามเป้าหมายของรัฐบาล ทั้งระบบไฮบริด และประเภทของแบตเตอรี่ที่ใช้ (ถ้าเป็นอีวีหรือปลั๊ก-อินไฮบริด ของค่ายรถอื่นๆ จะใช้แบตเตอรี่ลิเทียมไอออน) ซึ่งการตั้งราคาตํ่ากับเทคโนโลยีแบบนี้ อาจจะเป็นการบิดเบือนตลาดบนการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม

นายมิจิโนบุ ซึงาตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า บริษัทก่อตั้งสายการผลิตแบตเตอรี่ รถยนต์ไฮบริด ขึ้นที่โรงงานประกอบรถยนต์โตโยต้า เกตเวย์ จ.ฉะเชิงเทรา ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นโรงงานโตโยต้าที่ประกอบแบตเตอรี่รถยนต์ไฮบริดแห่งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และพร้อมสำหรับการผลิตแบตเตอรี่ไฮบริดเพื่อใช้ในรถยนต์รุ่นคัมรี่ ไฮบริด และ ซี-เอชอาร์ รวมถึงรถยนต์ไฮบริดรุ่นอื่นๆในอนาคต

ส่วนโคโรลล่า อัลติส โฉมใหม่ เป็นรถยนต์ไฟฟ้าไฮบริดแบบเต็มรูปแบบคันแรกในเซ็กเมนต์คอมแพ็กต์คาร์ของประเทศไทย และโตโยต้าใช้งบประมาณเพื่อพัฒนารถรุ่นนี้กว่า 6,500 ล้านบาท

ด้านนายวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า การตั้งราคาขายรุ่นไฮบริดเริ่มต้นตํ่ากว่า 1 ล้านบาท เป็นผลมาจากการสนับสนุนจากภาครัฐ ทั้งการลดภาษีสรรพสามิต การส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอ ซึ่งหากเปรียบเทียบกับรุ่นเดิมแล้วจะพบว่าส่วนต่างราคาที่หายไปนั้นมูลค่าหลักแสนบาท

นอกจากจำนวนรุ่นและขุมพลังที่มีให้เลือกมากกว่าคู่แข่งในตลาดแล้ว โตโยต้ายังตั้งราคาจูงใจ และตอกยํ้าการตลาดผ่านแคมเปญดอกเบี้ยพิเศษ 1.99% หรือ ผ่อนเริ่มต้น 8,500 บาท พร้อมเดินหน้าสร้างความเชื่อมั่นในระบบไฮบริดให้กับลูกค้าที่จะตัดสินใจเป็นเจ้าของด้วยการให้แพ็กเก็จขยายระยะเวลารับประกันคุณภาพรถใหม่จาก 3 ปีเป็น 5 ปี และฟรีค่าแรงเช็กระยะ 5 ปี รวมไปถึงรับประกันรถยนต์ไฮบริด ที่ครอบคลุมทั้งแบตเตอรี่ เป็นระยะเวลา 10 ปี ระบบไฮบริด เป็นระยะเวลา 5 ปี พร้อมทั้งรับประกันราคาขายต่อที่โตโยต้า ชัวร์ เช่นเดียวกับรุ่นซี- เอชอาร์ และคัมรี่

ตลอดจนลูกค้าที่ซื้อรถยนต์โตโยต้าไฮบริดใช้แล้วจาก โตโยต้า ชัวร์ ทั่วประเทศจะได้รับสิทธิพิเศษขยายเวลารับประกัน แบตเตอรี่ไฮบริด (High Voltage Battery) ทันทีอีก 5 ปี (จากเดิม 10 ปี เป็นสูงสุด 15 ปี) ภายใต้ระยะเวลาแคมเปญวันที่ 1 กันยายน- 31 ธันวาคม นี้ โดยรุ่นที่ได้รับสิทธิ์คือ คัมรี่ AHV40 (รุ่นปี 2552-2555) คัมรี่ AVV50 (รุ่นปี 25552561) และ พริอุส ZVW30 (รุ่นปี 2553-2558)

“เราวางเป้าหมายการขาย โตโยต้า โคโรลล่า อัลติส ไว้ 2,300 คันต่อเดือน เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนที่เราจะขายประมาณเดือนละ 1,800 คัน แบ่งเป็นเครื่องยนต์ปกติ (ICE) 50% และ ไฮบริด 50% ขณะที่ตลาดส่งออกหลักคืออาเซียน แต่ก็มีอเมริกากลาง และอเมริกาใต้เล็กน้อย โดยตัวเลขส่งออกประมาณ 900 คันต่อเดือน” นายวุฒิกร กล่าวสรุป

ปัจจุบันตลาดคอมแพ็กต์คาร์มีสัดส่วนการขายประมาณ 12-13% ของตลาดรถยนต์รวม และโตโยต้าตั้งเป้าหมายส่วนแบ่งการตลาดในเซ็กเมนต์นี้ 40 -50% ขณะที่ตัวเลขการขายรถในกลุ่มนี้ตั้งแต่เดือนมกราคม-มิถุนายน 2562 พบว่ามียอดสะสม 25,232 คัน ลดลง 13.7%

อันดับ 1 คือ ฮอนด้า ซีวิค ที่มียอดขาย 15,477 คัน เติบโต 10.3% ตามมาด้วยโตโยต้า โคโรลล่า อัลติส 6,691 คัน ลดลง 40% อันดับ 3 มาสด้า 3 จำนวน 1,727 คัน ลดลง 34.1% ซึ่งยอดขายของโตโยต้าและมาสด้าที่ร่วงกราว เพราะรถอยู่ในช่วงปลายโมเดล ขณะที่ “มาสด้า 3 โฉมใหม่” เตรียมเปิดตัวอย่างเป็นทางการวันที่ 18 กันยายนนี้ 

 

หน้า 28-29 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,503 วันที่ 8 - 11 กันยายน พ.ศ. 2562