รมว.คมนาคมลงพื้นที่สุวรรณภูมิติดตามความคืบหน้าแก้ไขปัญหาความแออัด สั่งนำระบบ CCTV ช่วยบริหารจัดการ พร้อมให้ผู้บริหารระดับสูงเข้าตรวจดูและช่วยสั่งการได้ เล็งเปิดช่องทางช่วยระบาย
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้ลงพื้นที่ตรวจติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาความแออัดภายในอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยได้ตรวจพื้นที่ให้บริการตรวจลงตราวีซ่าเพื่อเข้าประเทศ (VOA) จุดตรวจคนเข้าเมืองขาเข้า และระบบกล้องวงจรปิดห้อง Control Room ระบบคัดกรองผู้โดยสารล่วงหน้า (APPS) พร้อมกับติดตามการแก้ปัญหาความแออัดในอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
ทั้งนี้ ยังมีข้อสั่งการให้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมินำระบบ CCTV เข้ามาช่วยเจ้าหน้าที่ในการบริหารจัดการผู้โดยสาร และสามารถให้ผู้บริหารระดับสูงเข้าตรวจดูและช่วยสั่งการได้ นอกจากนี้ให้ดำเนินการปรับช่องทางตรวจผู้โดยสารช่องทางที่ไม่ได้เปิดใช้ตลอดเวลาให้เปิดช่วยรับผู้โดยสาร ในช่วงที่ช่องทางเปิดใช้เดิมมีความแออัดได้ พร้อมทั้งจัดพื้นที่ให้เจ้าหน้าที่รับผู้โดยสารมายังจุดบริการ VOA เพื่อเพิ่มความสะดวกรวดเร็ว ซึ่งเน้นย้ำให้การดำเนินการทั้งหมดต้องอยู่บนมาตรฐานความมั่นคงปลอดภัย
อย่างไรก็ดี ปัจจุบันท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มีปัญหาความแออัดเนื่องจากจำนวนผู้โดยสารมีเพิ่มมากขึ้นเป็น 63 ล้านคนต่อปี โดยท่าอากาศยานสามารถรองรับได้ 45 ล้านคนต่อปี ท่าอากาศยานมีช่องตรวจคนเข้าเมืองขาเข้า 93 ช่อง รองรับผู้โดยสารได้ 6,000 คนต่อชั่วโมง ซึ่งต้องทำให้รองรับได้ 7,600 คนต่อชั่วโมง ซึ่งการแก้ปัญหาระยะเร่งด่วนที่สามารถทำได้ทันทีในส่วนของผู้โดยสารขาเข้าคือ การจัดเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกให้กับผู้โดยสารด้วยการจัดเจ้าหน้าที่รับผู้โดยสารที่บริเวณประตูทางเข้านำสู่จุดบริการตรวจคนเข้าเมือง และการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาช่วยบริหารจัดการให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ส่วนการแก้ปัญหาระยะกลาง เริ่มดำเนินการในปีงบประมาณ 2563 ประกอบด้วย การปรับเคาน์เตอร์ตรวจหนังสือเดินทาง เพื่อเพิ่มช่องตรวจและการเพิ่มพื้นที่ให้บริการ VOA ด้วยการขยายสวนไผ่ภายนอกอาคารเพื่อปรับปรุงพื้นที่รองรับผู้โดยสาร VOA ปรับปรุงพื้นที่ตรวจคนเข้าเมืองขาเข้า เพิ่มจำนวนเครื่องตรวจประทับตราหนังสือเดินทางอัตโนมัติอีก 8 เครื่อง
“การแก้ปัญหาระยะยาว ประกอบด้วยการสร้างอาคารผู้โดยสารแห่งที่ 2 เพื่อขยายพื้นที่ทั้งระบบรองรับผู้โดยสารได้เต็มจำนวน ส่วนการแก้ปัญหาขาออก ประกอบด้วย การย้ายจุดตรวจค้นผู้โดยสารภายในประเทศไปยังอาคารเทียบเครื่องบิน A และ B เพิ่มช่องตรวจและจุดตรวจผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ทั้งนี้ การดำเนินการทั้งหมดดังกล่าวจะทำให้ลดเวลาคอยหน้าด่านของผู้โดยสาร VOA เหลือ 25 นาที และเมื่อแก้ปัญหาอย่างเต็มระบบจะลดเวลาคอยเหลือ 20 นาที”