ทูตพาณิชย์สหรัฐ-จีนลั่นคงเป้า โชว์แผน 4 เดือนท้าย
ทูตพาณิชย์ 2 ตลาดใหญ่ ทำใจดีสู้เสือ ไม่กังวลเทรดวอร์กระทบส่งออก ตลาดสหรัฐฯ คงเป้าทั้งปีโต 4% จีนบวก 1-3% มั่นใจสินค้าไทยมีโอกาสสูง โดยเฉพาะสินค้าเกษตร โชว์แผนรุก 4 เดือนสุดท้าย
ในการประชุมทูตพาณิชย์พาณิชย์ และทูตเกษตรทั่วโลก และพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ(28 ส.ค.62) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้เน้นยํ้าให้ทุกฝ่ายช่วยเร่งรัดการส่งออกทั้งปีนี้ให้ขยายตัวได้ตามเป้าหมายที่ 3% รุกหนักการส่งออกสินค้าเกษตรโดยให้ทูตพาณิชย์ทำตัวเป็นพนักงานขายกิตติมศักดิ์ ช่วยชี้ช่องทางโอกาสให้ภาคเอกชน ท่ามกลางสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีนที่ยังยืดเยื้อ กระทบการค้าโลกชะลอตัว
นายนพดล ทองมี ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต.) ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ภาพรวมการส่งออกไทยไปสหรัฐฯช่วง 7 เดือนแรกปีนี้ยังขยายตัวเป็นบวกที่ 16.3% (แต่หากไม่รวมการส่งออกอาวุธ กระสุนและส่วนประกอบที่สหรัฐฯ นำเข้ามาร่วมซ้อมรบกับไทยแล้วส่งกลับ ส่งออกไทยไปสหรัฐฯ จะขยายตัวที่ 4.3%) ขณะเป้าตลาดสหรัฐฯทั้งปีนี้ตั้งไว้ที่ 4% (อาจปรับเป้าหมายมากกว่า 4%)
ทั้งนี้จากสงครามการค้าด้านหนึ่งไทยได้อานิสงส์ จากผู้นำเข้าสหรัฐฯเริ่มหันไปหาแหล่งสินค้าอื่นทดแทนสินค้าจีน เช่น เวียดนาม ไทย เมียนมา ซึ่งสินค้าเป้าหมายที่ไทยจะส่งไปยังสหรัฐฯ เช่น ข้าวหอมมะลิ อาหารแปรรูปจากทะเล ผักและผลไม้ ผลิตภัณฑ์ยาง ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง น่าจะทดแทนสินค้าจีนได้
“ตลาดสหรัฐฯใน 4 เดือนที่เหลือปีนี้จะเน้นเจาะตลาดคนรุ่นใหม่โดยจะขยายฐานตลาดสินค้าอาหารและสินค้าเกษตรไทยโดยใช้สื่อดิจิทัลให้มากขึ้นรวมถึงการร่วมมือกับเอกชนในการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายข้าวและอาหารแปรรูปเพื่อสร้างยอดขาย ซึ่งข้าวเป็น 1 ใน 5 สินค้าที่เป็นนโยบายของกระทรวงในการผลักดันการส่งออกให้มากขึ้น เช่น การจัดอินคัมแมตชิ่ง (in come Mission) ในการเจรจาสินค้าข้าว มันสำปะหลัง และยางพารา นอกจากนี้ยังเน้นตลาดออนไลน์ให้มากขึ้น หาผู้นำเข้ารายใหม่ เป็นต้น”
สอดคล้องกับนางขวัญนภา ผิวนิล ผู้อำนวยการ สคต. ณ นครลอสแองเจลีส สหรัฐฯ ที่เผยว่า สงครามการค้าไม่ส่งผลกระทบกับการส่งออกสินค้าไทยไปสหรัฐฯมากนัก แต่จะเป็นประโยชน์เพราะเป็นการขึ้นภาษีสินค้าอุปโภคเป็นหลัก ซึ่งไทยมีศักยภาพการผลิตอยู่แล้ว เช่น เครื่องประดับเงิน เครื่องประดับเทียม ของตกแต่งบ้าน เฟอร์นิเจอร์ ล่าสุดมีผู้นำเข้าหลายรายที่สนใจจะสั่งซื้อสินค้าจากไทย
ด้านนางสาวจีรนันท์ หิรัญญสัมฤทธิ์ ผู้อำนวยการ สคต. ณ นครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน กล่าวว่าสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีนมีทั้งผลบวกและผลลบ ผลบวกคือ กลุ่มสินค้าเกษตรที่จีนจะนำเข้ามากขึ้น จากสินค้าเกษตรของสหรัฐฯ ส่งออกไปจีนได้ลดลงจากภาษีนำเข้าที่สูงขึ้น เช่นผลไม้ หรือข้าวโพด ดังนั้นจึงเป็นโอกาสของสินค้าไทยที่จะส่งออกได้มากขึ้น โดยเฉพาะผลไม้ รวมถึงนํ้ามันปาล์มเพราะความต้องการของจีนอาจจะเพิ่มขึ้น ส่วนผลกระทบด้านลบอยู่ในกลุ่มสินค้าที่ไทยเป็นห่วงโซ่อุปทานของจีน เช่น แผงวงจรไฟฟ้า ยางพารา
“ใน 4 เดือนที่เหลือและปีหน้าตลาดจีนจะเน้นเจาะเมืองรองให้มากขึ้นในรูปแบบความร่วมมือกับห้างสรรพสินค้า การจัดงานประชาสัมพันธ์ และใช้โอกาสจากการเข้าร่วมงาน ASEAN-China EXPO 2019 และงาน CIIE 2019 ในการหารือกับผู้นำเข้าจีนเพื่อผลักดันสินค้าข้าวไทยในช่วงปลายปีนี้ รวมถึงการเข้าร่วมงาน SIFF และงาน Hong Kong International Film Festival ซึ่งมั่นใจตลาดจีนจะได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 1-3% ในปีนี้”
หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,501 วันที่ 1-4 กันยายน 2562
