4 ปัจจัยเพื่อความยั่งยืนของธุรกิจครอบครัว(จบ)

01 ก.ย. 2562 | 09:57 น.

คอลัมน์ บิสิเนส แบ็กสเตจ โดย : ผศ.ดร.เอกชัย อภิศักดิ์กุล

ต่อจากฉบับที่แล้ว

3.การสืบทอดกิจการ (Succession) ผู้ถูกสำรวจ 30 % ต้องการถ่ายโอนทั้งความเป็นเจ้าของและอำนาจการบริหารให้กับสมาชิกในครอบครัว ขณะที่ 15% ต้องการที่จะถ่ายโอนการบริหารเพียงอย่างเดียวและ 20% ต้องการที่จะถ่ายโอนความเป็นเจ้าของเพียงอย่างเดียว ซึ่งแม้ผู้ถูกสำรวจส่วนใหญ่ตั้งใจที่จะส่งต่อกิจการให้อยู่ภายในครอบครัว แต่ค่อนข้างน่าวิตกว่า ผู้ถูกสำรวจส่วนใหญ่ไม่มีแผนการสืบทอดทั้งที่เป็นทางการหรือไม่เป็นทางการสำหรับตำแหน่งสำคัญภายในบริษัท ซึ่งผลการสำรวจนี้สอดคล้องกับการวิจัยธุรกิจครอบครัวตลอดระยะเวลา 30 ปีที่ผ่านมาดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ธุรกิจครอบครัวจำนวนมากคิดว่าตนสามารถทำได้โดยไม่ต้องมีแผนการสืบทอดตำแหน่งผู้นำเป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งในความเป็นจริงหลายครอบครัวต้องดิ้นรนกับกระบวนการสืบทอดกิจการอย่างยากลำบาก

แม้จะมีการวางแนวทางในระยะยาว การวางแผนการสืบทอดกิจการมีความสำคัญสำหรับทุกครอบครัวที่ตั้งใจจะรักษาธุรกิจเอาไว้ในครอบครัว ซึ่งการมีแผนและ / หรือกระบวนการสืบทอดกิจการที่ดีเป็นส่วนสำคัญของการกำกับดูแล และอีกอย่างที่สำคัญพอๆ กันคือการมีส่วนร่วมของคนรุ่นต่อไปในธุรกิจ ซึ่งสามารถทำได้โดยการให้ความรู้แก่สมาชิกในครอบครัวเกี่ยวกับวิสัยทัศน์และค่านิยมของบริษัท พัฒนาและทบทวนทักษะของพวกเขา มอบความรับผิดชอบด้านการบริหารและ / หรือความเป็นเจ้าของให้ และวางแผนการโอนกรรมสิทธิ์ทางกฎหมายและภาษีอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการใช้กลยุทธ์การวางมือจากธุรกิจหากจำเป็น

 

4. กลยุทธ์ (Strategy) การวางแผนเชิงกลยุทธ์มีความสำคัญต่อการเติบโตของผลกำไร รวมถึงกิจกรรมต่างๆ เช่น การวิเคราะห์สภาวะการแข่งขัน การตัดสินใจเกี่ยวกับโอกาสทางการตลาดและการทบทวนทางเลือกสำหรับการเติบโตทางการเงิน เป็นต้น อย่างไรก็ตามบริษัทที่มีอายุกิจการมากจะยิ่งมีสมาชิกในครอบครัวและมีความสนใจเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้นซึ่งจะทำให้การวางแผนยากขึ้น ตรงกันข้ามกับธุรกิจครอบครัวรุ่นใหม่ซึ่งกลยุทธ์มีแนวโน้มเพียงเพื่อสะท้อนสิ่งที่เจ้าของต้องการเท่านั้น ทั้งนี้ผลการสำรวจพบว่า 53% มีแผนกลยุทธ์อย่างเป็นทางการ

ขณะที่ 36 % มีแผนกลยุทธ์แบบไม่เป็นทางการ และประมาณ 10% ไม่มีแผนกลยุทธ์เลย ซึ่งในบรรดาผู้ที่มีแผนกลยุทธ์เป็นทางการนั้น พบว่า 71 %ได้วางแผนไว้สำหรับเพียงอีก 2-5 ปีข้างหน้าเท่านั้นและอีก 6% สำหรับปีถัดไปเท่านั้นและพบว่าบริษัทที่มีอายุกิจการน้อยมีแนวโน้มที่จะวางแผนสำหรับกรอบเวลาสั้นกว่าบริษัทที่มีอายุกิจการมากกว่า ทั้งนี้การวางแผนสำหรับกรอบเวลาค่อนข้างสั้นนี้ชี้ให้เห็นว่าธุรกิจครอบครัวจำนวนมากใช้วิธีการตอบโต้เชิงกลยุทธ์เพื่อค้นหาความรู้สึกและตอบสนองโดยเร็วที่สุดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั่นเอง 

ที่มา : Allegretti, Carl. 2019. Long-term goals, meet short-term drive: Global family business survey 2019. A Deloitte Insights Publication.

หน้า 31 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ | ฉบับ 3501 ระหว่างวันที่ 1 - 4  กันยายน 2562