สัมภาษณ์ : โดย ยงยุทธ ขาวโกมล
ยักษ์ใหญ่แหนมเนือง อาหารเวียดนามสุดฮิตในไทย “วีที แหนมเนือง” โตไม่หยุด ลงทุนเพิ่ม 250 ล้านบาท ขยายกำลัง ผลิตป้อนตลาด รองรับผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ เล็งตั้งโรงงานผลิตในเวียงจันทน์-กัมพูชา ก่อนขยับสู่เพื่อนบ้านอาเซียน เสริมความแกร่งแบรนด์ยื่นจดทะเบียนตราสินค้าคุ้มครองสิทธิ์
นายทอง กุลธัญวัฒน์ ประธานกรรมการ บริษัท วีที แหนมเนือง จำกัด เจ้าของและต้นตำรับอาหารเวียดนามแหนมเนืองรายใหญ่ และได้รับเลือกเป็นสินค้าโอท็อป 5 ดาวของอุดรธานี ที่ขยายการจัดจำหน่ายไปทั่วทั้งในประเทศและข้ามฝั่งไปถึงเพื่อนบ้าน เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า มีแผนงานเพื่อขยายธุรกิจให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อเนื่อง
ด้านการขยายกำลังการผลิต บริษัทได้ลงทุนเพิ่ม จากเมื่อ 3 ปีก่อนลงทุน 500 ล้านบาท ไม่รวมค่าที่ดิน ทำโรงงานพร้อมศูนย์จำหน่าย แหนมเนืองและสินค้าพื้นเมือง ริมถนนมิตรภาพสายอุดรธานี-ขอนแก่น ท้องที่ต.บ้านจั้น อ.เมืองอุดรธานี ห่างจากตัวเมืองอุดรธานีประมาณ 4 กิโลเมตร
ล่าสุด บริษัทได้ใช้งบประมาณอีก 250 ล้านบาท ก่อสร้างโรงงานผลิตอาหารแหนมเนืองแบบครบวงจรในพื้นที่เดียวกัน เป็นงบก่อสร้างโรงงาน เครื่องจักรและระบบภายใน รวมเป็นเงินลงทุนไปแล้ว 750 ล้านบาท ถือเป็นโรงงานผลิตอาหารที่ได้มาตรฐานความปลอดภัยจากทางหน่วยงานราชการ
โรงงานแหนมเนืองแห่งนี้ได้เปิดไลน์ทำการผลิตลูกชิ้นหมูปิ้งแหนมเนืองและนํ้าจิ้ม โดยเวลานี้ใช้อัตราการผลิต 30% ของกำลังผลิต มีคนงาน 80 คน ใช้เนื้อหมูคุณภาพจากเบทาโกรวันละ 5 ตัน เพื่อให้สามารถตรวจสอบย้อนกลับต้นทางได้
ในอีก 2-3 ปีข้างหน้าจะเพิ่มกำลังการผลิตได้เต็มที่ 100% ซึ่งต้องใช้เนื้อหมูวันละ 30 ตัน เกิดการจ้างแรงงานถึง 300 คน ให้คนท้องถิ่นมีงานทำที่บ้าน ไม่ต้องอพยพไปหางานที่อื่น
ด้านขยายการตลาด นายทองกล่าวอีกว่า เนื่องจากว่าแหนมเนืองเป็นอาหารที่มีความนิยมกันในกลุ่มประชาชนหลายประเทศของอาเซียน จึงขยายการจัดจำหน่ายให้ครอบคลุม ในประเทศไทยได้ขยายไปตามภาคต่างๆ คือที่เชียงใหม่ กรุงเทพฯ สงขลา และขยายไปตั้งที่กรุงเวียงจันทน์ สปป.ลาว เป็นสาขาขนาด 30 โต๊ะ และเป็นตัวแทนนำเข้าแหนมเนืองวีทีไปจำหน่าย ทั้งที่เวียงจันทน์และแขวงต่างๆ
“ที่สปป.ลาวได้รับการตอบรับดีมาก จึงมีแผนจะไปร่วมลงทุนกับนักธุรกิจท้องถิ่น เพื่อตั้งโรงงานผลิตแหนมเนืองในกรุงเวียงจันทน์ แล้วใช้เป็นฐานกระจายสินค้าไปทุกสาขาตามแขวงต่างๆ ส่วนในกัมพูชายังใช้วิธีส่งสินค้าให้ร้านค้าตัวแทนไปขายส่งให้รายย่อยเพื่อดูตลาดก่อน ว่าผู้บริโภคมีการตอบรับเป็นอย่างไร”
จากการศึกษาตลาดและระเบียบกฎเกณฑ์ต่างๆ พบว่าสปป.ลาวและกัมพูชา มีบรรยากาศที่เอื้ออำนวยมากกว่าทุกประเทศในอาเซียน มีความเป็นไปได้ที่วีทีแหนมเนืองจะเข้าไปลงทุนตั้งโรงงานผลิตในลักษณะจับมือกับนักธุรกิจท้องถิ่น เพื่อลดความเสี่ยง ส่วนประเทศเวียดนามต้องมีการศึกษาตลาดอย่างละเอียดรอบคอบ เนื่องจากมีกฎระเบียบด้านการค้าที่ค่อนข้างแตกต่างกว่าในหลายประเทศ
นายทองกล่าวด้วยว่า เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อม ในการขยายธุรกิจอาหารแหนมเนืองเข้าไปยังประเทศเป้าหมาย และทั้งในกลุ่มประเทศอาเซียน ในอนาคต บริษัทได้ยื่นขอจดทะเบียนลิขสิทธิ์ ตลอดจนตราสัญลักษณ์เครื่องหมายการค้า “วีที แหนมเนือง” กับกระทรวงพาณิชย์เรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างยื่นจดทะเบียนลิขสิทธิ์ ตราสัญลักษณ์เครื่องหมายการค้าในประเทศที่มีแผนที่จะเข้าไปขยายธุรกิจ
ขณะเดียวกัน ยังได้ผ่านการรับรองมาตรฐานสินค้าเกษตร (Hazard Analysis and Critical Control Point : HACCP) ที่อยู่ในความดูแลรับผิดชอบของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แผนขยายกิจการแหนมเนืองไปกลุ่มประเทศอาเซียนก่อนโดยเริ่มต้นที่ประเทศรอบๆ ประเทศไทย ได้แก่ สปป.ลาว กัมพูชา ซึ่งได้เข้าไปดำเนินการแล้ว เนื่องจากการทำธุรกิจเกี่ยวกับอาหารจะต้องทำอย่างระมัดระวัง มีกฎระเบียบที่ละเอียดอ่อน ขึ้นอยู่กับแต่ละประเทศซึ่งแตกต่างกันไปไม่เหมือนกัน
ส่วนประเทศที่อยู่นอกอาเซียน ฮ่องกง ที่มีคนเวียดนามเข้าไปทำงานอยู่มาก ก็อยู่ในแผน แต่จะต้องทำการศึกษากฎระเบียบการค้านำเข้า-ส่งออกของแต่ละประเทศให้ดีและละเอียดเสียก่อน
นายทองกล่าวอีกว่า วันที่ 27-28 กันยายน 2562 นี้ มีประชุมศูนย์อาหารแหนมเนืองฯ นักธุรกิจเชื้อสายเวียดนาม ที่ลงทุนใน 28 ประเทศ ซึ่งตนในฐานะรองนายกสมาพันธ์นักธุรกิจเวียดนามต่างประเทศ และนายกสมาคมนักธุรกิจไทย-เวียดนาม ก็จะเข้าร่วมด้วย เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและจับคู่ธุรกิจ ทาง “วีทีแหนมเนือง” จะนำเสนอด้วย เพื่อให้มีการนำเอารูปแบบธุรกิจอาหารแหนมเนือง ให้เป็นทางเลือกไปทำการเผยแพร่ในประเทศต่างๆ ดังกล่าวต่อไป
หน้า 9 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,500 วันที่ 29 - 31 สิงหาคม 2562