หุ้นกลุ่มนิคมรับอานิสงส์   ทุนจีนย้ายฐานผลิตปักหมุด‘อีอีซี’ 

สงครามการค้าสหรัฐฯกับจีนยืดเยื้อ กลุ่มนิคมอุตสาห กรรมรับประโยชน์ย้ายฐานการผลิตสินค้า เผย AMATA, WHA และ ROJNA ได้อานิสงส์ เตรียมรับนักลงทุนจีน

สงครามการค้าที่ยังคงยืดเยื้อกินเวลามานาน ทำให้เกิดผลกระทบกับเศรษฐกิจไปทั่วโลก โดยล่าสุดที่มีความรุนแรงขึ้นอีกครั้ง คือ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ทวีตข้อความจะจัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้า 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯจากจีน จากปัจจุบันถูกเก็บภาษีที่ 25% เพิ่มเป็น 30% เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมนี้ รวมถึงจะจัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้า 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯจากจีนซึ่งเตรียมจัดเก็บภาษีที่ 10% เพิ่มเป็น 15% เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กันยายนนี้ และที่สำคัญ ยังสั่งบริษัทสหรัฐฯถอนตัวจากจีนโดยทันที เพื่อหาแหล่งผลิตใหม่ โดยให้กลับมาผลิตสินค้าในสหรัฐฯ

ทั้งนี้หุ้นกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิตสินค้าจากการทวีตของทรัมป์ คือ กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม โดยหุ้นที่โดดเด่นในกลุ่มนี้ คือ บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (AMATA), บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (WHA) และ บริษัท สวนอุตสาห กรรมโรจนะ จำกัด (มหาชน) (ROJNA) ซึ่งนอกจากจะได้ประโยชน์จากการเป็นฐานการผลิตแล้ว ยังเป็นเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่ได้ประโยชน์มหาศาลจากการผลักดันของรัฐบาลอีกด้วย

นายสมบัติ เอกวรรณพัฒนา ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า WHA ได้ประโยชน์จากสงครามการค้าสหรัฐฯกับจีน ซึ่งปัจจุบันยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น มีการย้ายฐานการผลิตมาไทยสูงโดยเฉพาะลูกค้าจีน ยอดขายจำนวนไร่ตั้งแต่ปีที่แล้วถึงกลางปีนี้เพิ่มก้าวกระโดดถึง 43% อีกทั้งคาดว่ารัฐบาลจะมีมาตรการกระตุ้นการลงทุนออกมาไม่นานจากนี้ จะทำให้บริษัทได้รับประโยชน์เต็มที่จากการมีพื้นที่นิคมในเขต EEC และอื่นๆ ประมาณ 10,000 ไร่ นอกจากนี้จะมีการขยายพื้นที่นิคมใหม่อย่างต่อเนื่อง มีการจับตลาดนิคมที่ไทย ซึ่งเน้นไฮเทค คนงานมีทักษะสูง และจับตลาดนิคมที่เวียดนาม เน้นแรงงานที่มีต้นทุนตํ่า ช่วยประหยัดต้นทุนการผลิต

ทั้งนี้ คาดยอดขายนิคมจะเร่งตัวขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง จากครึ่งปีแรกมียอดขายเพียง 259 ไร่ โดยปัจจุบันมีลูกค้าที่สนใจเข้ามาเจรจาซื้อนิคมจากบริษัทประมาณ 1,000 ไร่ ซึ่งใกล้เป้ายอดขายนิคมปีนี้ในไทยที่ 1,400 ไร่ ส่วนที่เวียดนามปัจจุบันขายได้ 83 ไร่ จากเป้าขายปีนี้ที่ 200 ไร่ ทำให้มีโอกาสมากขึ้นที่จะบรรลุเป้าการขายปีนี้มากขึ้น 

นอกจากนี้ บริษัทจะได้ประโยชน์จากการปรับราคาขายนิคมขึ้นอีกในช่วงต้นปีที่ 8-10% ปัจจุบันลูกค้าจีนถือว่ามีศักยภาพมากที่สุด หลังเกิดเหตุสงครามการค้า โดยมีการเข้ามาเยี่ยมชมกิจการกว่า 10 บริษัทต่อสัปดาห์

ขณะที่ในส่วนของ ROJNA ได้ประโยชน์จากภาครัฐที่ผลักดันโครงการสาธารณูปโภคขนาดใหญ่โดยเฉพาะใน
เขต EEC ทำให้นักลงทุนมีความมั่นใจเพิ่มขึ้น อีกทั้งสงครามการค้าสหรัฐฯกับจีน ส่งผลให้มีการย้ายฐานการผลิตมาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพิ่มรวมถึงไทยด้วย

นายศุภชัย วัฒนวิเทศกุล นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า เป็นโอกาสที่ดีของ AMATA หลังจากสงครามการค้ามีแนวโน้มลากยาวหลังจีนประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ วงเงินรวม 75,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อัตรา 5-10% มีผลวันที่ 1 กันยายนนี้ ส่งผลให้สหรัฐฯตอบโต้ด้วยการเตรียมขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีน มูลค่า 250,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จาก 25% เป็น 30% เริ่มต้นวันที่ 1 ตุลาคมนี้ และสินค้านำเข้าวงเงิน 300,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จาก 10% เป็น 15% เริ่มต้นวันที่ 1 กันยายนนี้ เชื่อว่าอัตราดังกล่าวสูงเกินกว่าผู้ผลิตในหลายอุตสาหกรรมจะทำกำไรได้ และจะบีบให้เกิดการย้ายฐานการผลิตอีกรอบใหญ่

หน้า 17-18 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,500 วันที่ 29-31 สิงหาคม 2562