ส่งออกไทยยังมีลุ้น ตัวเลขเดือนกรกฎาคม พลิกกับมาเป็นบวก ที่ 4.2 % ปัจจัยหลักจากส่งออกทองคำโตกระฉูดกว่า 400% ขณะผลกระทบจากสงครามการค้าลดลง พาณิชย์ยอมรับงานหนัก อีก 5 เดือนที่เหลือต้องส่งออกให้ได้เดือนละ 21,756 ล้านดอลลาร์ ส่งออกไทยถึงไม่ติดลบ
นางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เผยถึงมูลค่าการส่งออกของไทยในเดือนกรกฎาคมว่า กลับมาขยายตัวเป็นบวกที่ 4 .28% หรือกลับมาขยายตัวเป็นบวกอีกครั้งในรอบ 5 เดือน โดยมีมูลค่าส่งออก 21,205 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่การนำเข้าขยายตัวเพิ่มขึ้น 1.67% มูลค่านำเข้า 21,097ล้านดอลลาร์สหรัฐ ไทนเกินดุลการค้าเดือนกรกฎาคม 110.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อย่างไรก็ดีภาพรวมการส่งออก 7 เดือนของไทย ยังติดลบ1.91% โดยมีมูลค่าส่งออก 144,175 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 140,122 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัวลดลง 1.81% ส่งผลให้ไทยยังเกินดุลการค้า 4,053.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ทั้งนี้ปัจจัยที่ส่งผลให้การส่งออกเดือนกรกฎาคมกลับมาเป็นบวก ปัจจัยหลักจาก มูลค่าการส่งออกทองคำที่เพิ่มขึ้น 406.9%และผลกระทบจากสงครามการค้าลดลง ประกอบกับมีกลุ่มสินค้าศักยภาพใหม่มาทดแทน ขณะที่การส่งออกสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมันยังคงชะลอตัวลงจากปัจจัยด้านราคาเป็นหลัก
ทั้งนี้การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรเดือนกรกฎาคมกลับมาขยายตัวที่ 1.4% ซึ่งสินค้าเกษตรสำคัญที่ขยายตัวได้ดี ได้แก่ ผัก ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง กระป๋องและแปรรูป ขยายตัว 26.1% โดยขยายตัวในตลาดจีน สหรัฐฯ ญี่ปุ่น ฮ่องกง และอินโดนีเซีย ยางพารา ขยายตัว 9.6% ขยายตัวในตลาดจีน ญี่ปุ่น สหรัฐฯ บราซิล และอินเดีย ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ขยายตัว 7.8% ขยายตัวในตลาดจีน ไต้หวัน สหรัฐฯ ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์ ไก่สด แช่แข็งและแปรรูป ขยายตัว 8.7% -ขยายตัวในตลาดญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร เนเธอร์แลนด์ เกาหลีใต้ และจีน กุ้งสด แช่แข็งและแปรรูป ขยายตัว 7.3% ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ จีน เกาหลีใต้ และเมียนมา
ส่วนสินค้าเกษตรที่ส่งออกติดลบ ได้แก่ ข้าวติดลบ 27.2% ตลาดที่ติดลบ เช่น เบนิน มาเลเซีย และจีน แต่ยังขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ แอฟริกาใต้ และแคเมอรูน ส่วนน้ำตาลทราย ติดลบ 25.4% ตลาดที่ติดลบเช่น อินโดนีเซีย และไต้หวัน แต่ยังขยายตัวในตลาดมาเลเซีย จีน และเกาหลีใต้ ส่วนทูน่ากระป๋อง ติดลบ 13.6% ในตลาดออสเตรเลีย ญี่ปุ่น และแคนาดา แต่ยังขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ ลิเบีย และซาอุดิอาระเบีย รวม 7 เดือนแรกของปี 2562 สินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรติดลบ 1.7%
ด้านการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมยังคงขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ที่ 6% ซึ่งสินค้าสำคัญที่ยังขยายตัวได้ดี ได้แก่ ทองคำขยายตัว 406.9% (จากราคาทองคำในตลาดโลกที่เพิ่มขึ้น) โดยขยายตัวในตลาดสวิตเซอร์แลนด์ ออสเตรเลีย สิงคโปร์ ฮ่องกง อินโดนีเซีย ส่วนอัญมณีและเครื่องประดับไม่รวมทองคำ ขยายตัว 28% โดยขยายตัวในตลาดสิงคโปร์ ฮ่องกง สวิตเซอร์แลนด์ อินเดีย และเบลเยียม เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ ขยายตัว4.2% ขยายตัวในตลาดออสเตรเลีย ญี่ปุ่น เวียดนาม อินเดีย และฝรั่งเศส
ส่วนสินค้าอุตสาหกรรมสำคัญที่ติดลบ ได้แก่ สินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ติดลบ 14.2 % ในตลาดจีน เวียดนาม สิงคโปร์ แต่ยังขยายตัวในตลาดมาเลเซีย ญี่ปุ่น และอินเดีย เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ติดลบ 5.9% ในตลาดสหรัฐฯ ฮ่องกง และเยอรมนี แต่ยังขยายตัวได้ดีในตลาดจีน เนเธอร์แลนด์ และสิงคโปร์เป็นต้น รวม 7 เดือนแรกของปี 2562 มูลค่าสินค้าอุตสาหกรรม ติดลบ 1.4%
อย่างไรก็ตามในส่วนของตลาดส่งออกสำคัญของไทยกลับมาขยายตัว โดยตลาดหลักขยายตัว 5.5% ทั้งนี้สาเหตุมาจากการการส่งออกไปสหรัฐฯขยายตัว 9.8% และญี่ปุ่นขยายตัว 8% ขณะที่การส่งออกไปสหภาพยุโรป(อียู)ติดลบ 2.4% ส่วนตลาดศักยภาพสูงติดลบ 2.8% เนื่องจากการส่งออกไปยังคงติดลบ โดยอาเซียน(5) ติดลบ 8.5% CLMVติดลบ 9.7% และเกาหลีใต้ติดลบ 3%
ส่วนการส่งออกไปตลาดจีน ขยายตัว 6.2% อินเดียขยายตัว 7.3% และไต้หวันขยายตัว 12.9% ในขณะที่ตลาดศักยภาพระดับรองกลับมาขยายตัวที่ 3.4% โดยทวีปออสเตรเลียขยายตัว 20.8% ตะวันออกกลางขยายตัว 5% และแอฟริกาขยายตัว 1.5% ขณะที่การส่งออกไปตลาดรัฐและกลุ่มประเทศ CIS ยังคงติดลบ 23.2%
“ตลาดสหรัฐอเมริกา กลับมาขยายตัว 9.8% หลังจากเดือนก่อนหน้าติดลบครั้งแรกในรอบ 3 เดือน โดยสินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ยาง เครื่องใช้บนโต๊ะอาหาร อุปกรณ์กึ่งตัวนำฯ เครื่องส่งโทรศัพท์และโทรทัศน์ และข้าว เป็นต้น ขณะที่ 7 เดือนแรกของปีนี้ตลาดสหรัฐฯขยายตัว 16.3 %”
ขณะที่ตลาดญี่ปุ่นที่การส่งออกเดือนกรกฎาคมขยายตัว 8% ซึ่งเป็นการขยายตัวสูงสุดในรอบ 9 เดือน โดยสินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ น้ำมันสำเร็จรูป โทรทัศน์และส่วนประกอบ เครื่องคอมพิวเตอร์ฯ รถยนต์และส่วนประกอบ และ ไก่แปรรูป เป็นต้น ขณะที่ 7 เดือนแรกของปี 2562 ติดลบ 0.7% ตลาดสหภาพยุโรป(15) ติดลบ 2.4% สินค้าสำคัญที่หดตัว ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ฯ และ รถยนต์และส่วนประกอบ ด้านสินค้าที่ขยายตัวสูง ได้แก่เครื่องปรับอากาศฯ อัญมณีและเครื่องประดับ และ ไก่แปรรูป ขณะที่ 7 เดือนแรกของปี 2562 ติดลบ 6.4 % ตลาดจีน ขยายตัว 6.2 % เป็นการขยายตัวครั้งแรกในรอบ 9 เดือน สินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ ผลไม้สดแช่แข็งและแห้งฯ รถยนต์และส่วนประกอบ เม็ดพลาสติก เครื่องยนต์สันดาปฯ และ น้ำตาลทราย เป็นต้น ขณะที่ 7 เดือนแรกของปี 2562 ติดลบ 7.6%
ตลาดเอเชียใต้ ขยายตัว 1.1% สินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ เคมีภัณฑ์ อุปกรณ์กึ่งตัวนำฯ อากาศยานและส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ และโทรทัศน์และส่วนประกอบ เป็นต้น ขณะที่ 7 เดือนแรกของปี 2562 ติดลบ1.8% ตลาด CLMV ติดลบ 9.7% สินค้าสำคัญที่หดตัว ได้แก่ น้ำมันสำเร็จรูป น้ำตาลทราย ผลไม้สด แช่แข็งและแห้งฯ และเม็ดพลาสติก เป็นต้น ด้านสินค้าที่ขยายตัวสูง ได้แก่ รถยนต์และส่วนประกอบ เป็นต้น ขณะที่ 7 เดือนแรกของปี 2562 ติดลบ 2.3 %
ตลาดอาเซียน(5) ติดลบ 8.5% สินค้าสำคัญที่หดตัว ได้แก่ รถยนต์และส่วนประกอบ น้ำตาลทราย เครื่องยนต์สันดาปฯ และ น้ำมันสำเร็จรูป ด้านสินค้าที่ขยายตัวสูง ได้แก่ อัญมณีและเครื่องประดับ เป็นต้น ขณะที่ 7 เดือนแรกของปี 2562 ติดลบ 8.3% เป็นต้น
อย่างไรก็ตามยังมีปัจจัยบวกที่สำคัญ คือ การส่งออกสินค้าศักยภาพใหม่ที่หลากหลาย ทั้ง สินค้าเกษตร/อาหาร สินค้าไลฟ์สไตล์ที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวมีการเติบโตได้ดี โดยเฉพาะการส่งออกเครื่องสำอาง อาหารสำเร็จรูป เฟอร์นิเจอร์ และเครื่องใช้บนโต๊ะอาหาร การค้าส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐฯทดแทนสินค้าจากจีนอันเนื่องมาจากสงครามทางการค้า มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง การดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายโดยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะส่งผลดีต่อภาคการส่งออกในช่วงที่เหลือของปี โดยจะเห็นผลได้อย่างชัดเจนในไตรมาสที่ 4 และ การดำเนินแผนผลักดันการส่งออกโดยคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนกระทรวงพาณิชย์ (กรอ.พาณิชย์) ที่เล็งผลในระยะสั้นจะช่วยลดปัญหาอุปสรรคทางการค้าและสนับสนุนให้การส่งออกในช่วงที่เหลือของปีขยายตัวได้ดียิ่งขึ้น และการดำเนินนโยบายการค้าควบคู่กับการลงทุนและการบริการ โดยเฉพาะกลยุทธ์รายพื้นที่ขยายโอกาสการส่งออกในกลุ่มตลาดที่แข็งแกร่ง และเปิดตลาดใหม่ มีสัญญาณการขยายตัวต่อเนื่อง
สำหรับแนวโน้มการส่งออกไทยในช่วงที่เหลือของปีคาดว่าจะมีทิศทางที่ดีขึ้น โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการส่งออกสินค้าศักยภาพใหม่ที่หลากหลาย ทั้ง สินค้าเกษตร/อาหาร สินค้าไลฟ์สไตล์ที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว เมื่อรวมกับแผนผลักดันการส่งออกโดยคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนด้านการพาณิชย์ (กรอ.พาณิชย์) และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐในหลายประเทศ น่าจะส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจและการค้าโดยรวม และอาจทำให้การส่งออกในช่วงไตรมาสสุดท้ายมีโอกาสกลับมาขยายตัวได้ สำหรับสินค้าอุตสาหกรรมสำคัญที่ขยายตัวและน่าจับตามอง ได้แก่ รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ เครื่องส่งวิทยุ โทรเลข โทรศัพท์ และโทรทัศน์ และนาฬิกาและส่วนประกอบ ที่เริ่มเห็นทิศทางการขยายตัวต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ในเดือนเหลือของปีนี้จะต้องส่งออกให้ได้ 21,756 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯต่อเดือนซึ่งจะทำให้การส่งออกไทยทั้งปีขยายตัวที่ 0%
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ว่า เผยว่า เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2562 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ(ครม.เศรษฐกิจ)ได้มีมติกำหนดเป้าหมายการส่งออกปี 2562 ไว้ที่ 3% และปี 2563 ที่ 3.5%