ท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างจีนและสหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาสงครามการค้า การประท้วงในฮ่องกง และล่าสุดกับการอนุมัติขายอาวุธครั้งใหญ่ที่สุดให้กับไต้หวันมีมูลค่า 8พันล้านเหรียญ ฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้รับการอนุมัติขายอาวุธล๊อตใหญ่ให้กับไต้หวัน มูลค่ามากถึง 8 พันล้านเหรียญ (2.56แสนล้านบาท) รวมถึงเครื่องบินรบขับไล่รุ่นใหม่ ไฟทิงฟอลคอน (F-16C/D)
ก่อนหน้านี้สื่อในสหรัฐฯได้รับการเปิดเผยถึงการอนุมัติขายยุทธโธปกรณ์ในครั้งนี้แล้ว เพียงแต่มีการดึงเรื่องไว้ เพราะได้ยังพิจารณาเพิ่มเติมถึงความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศที่ตึงเครียดในช่วงนี้ ทั้งการประท้วงในฮ่องกง และสงครามการค้าที่ยกระดับมากไปกว่าสงครามการค้าทั่วไป
การขายยุทธโปกรณ์ครั้งนี้ใหม่นี้ ถือเป็นล๊อตใหญ่ที่สุดในรอบปีของสหรัฐฯ และแน่นอนว่าจะต้องแลกมาด้วยการบั่นทอนความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐฯมากขึ้นไปอีก ซึ่งที่ผ่านมาจีนพยายามอย่างมากเพื่อที่จะให้ไต้หวันยอมเป็นส่วนหนึ่งของจีน ภายใต้นโยบายจีนเดียว
ทางการจีนออกมาแถลงอย่างเป็นทางการทันที หลังจากได้รับรายงานเรื่องการขายอาวุธเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยในวันศุกร์ที่ผ่านมา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน หัว ชุนหยิง กล่าวว่าการที่สหรัฐฯขายอาวุธให้กับไต้หวันครั้งนี้เป็นการบ่อนทำลายความพยายามของจีนตามนโยบายจีนเดียว ซึ่งจีน “ต่อต้านการกระทำนี้” และยังเรียกร้องให้สหรัฐฯปฎิเสธการขายอาวุธ เครื่องบินรบ รวมถึงยุติสัญญาทางการทหารกับไต้หวัน นอกจากนี้ยังเตือนสหรัฐฯให้รอรับผลจากการกระทำครั้งนี้ด้วย
ย้อนกลับไป สหรัฐฯถือเป็นผู้สนับสนุนและจัดหายุทธโธปกรณ์ให้กับไต้หวันในสนธิสัญญาระหว่างประเทศมานานถึง 40 ปี โดยจีนมักจะเรียกร้องถึงการขายอาวุธเหล่านี้ แลเกล่าวโทษว่าเป็นการสนับสนุนความรุนแรง ซึ่งจีนเองก็พยายามผลักดันนโยบายจีนเดียวเพื่อที่จะเข้าไปมีส่วนในการปกครองเกาะแห่งนี้เช่นเดียวกัน
เดือนที่แล้วสหรัฐฯได้อนุมัติการขาย รถถังเอบรามส์ (108 M1A2T)อุปกรณ์ต่อต้านขีปนาวุทธ มูลค่า 2.2พันล้านเหรียญให้กับไต้หวัน โดยเป็นการสั่งซื้อจากรัฐบาลไต้หวันเพื่อเป็นการปกป้องอธิปไตย หลังจากที่จีนมีการซ้อมรบเพื่อกดดันไต้หวันก่อนหน้านี้