กลุ่มปตท.อัด 3 หมื่นล้าน เร่งลงทุนจากบาทแข็ง-ดอกเบี้ยต่ำ
กลุ่มปตท. ทุ่มอีก 3 หมื่นล้านบาท เร่งการลงทุนครึ่งหลังปี 2562 นี้ ใน 3 โครงการหลัก ทั้งคลังแอลเอ็นจี หนองแฟบ โรงงานรีไซเคิลขยะพลาสติก และอีอีซีไอ ฉวยจังหวะดอกเบี้ยต่ำ-เงินบาทแข็ง สร้างความได้เปรียบ
นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือปตท. เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งหลังปี 2562 นี้ กลุ่ม ปตท.จะใช้เงินในการลงทุนราว 3 หมื่นล้านบาท ใกล้เคียงกับครึ่งแรกปี 2562 ที่ใช้เงินลงทุนไปแล้วประมาณ 3 หมื่นล้านบาท เพื่อเร่งการลงทุนใน 3 โครงการ ประกอบด้วย โครงการก่อสร้างคลังรับจ่ายก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) หนองแฟบ ขนาด 7.5 ล้านตัน ที่ต้องใช้เงินอีกกว่า 2 หมื่นล้านบาท การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EECi) ประมาณ 3 พันล้านบาท และการก่อสร้างโรงงานรีไซเคิลขยะพลาสติก อีกราว 2 พันล้านบาท เป็นต้น โดยยังไม่รวมกับงบประมาณที่จะเพิ่มทุนในบริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ หรือ GPSC หลังจากเข้าไปซื้อหุ้นบริษัท โกลว์ พลังงาน หรือ GLOW
สำหรับทิศทางในอนาคตนั้น กลุ่ม ปตท.ได้วางกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจใน 10 ปี (ปี 2563-2573) มีเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 20% ในปี 2573 ซึ่งมีแผนจะเพิ่มการลงทุนธุรกิจไฟฟ้าด้วยพลังงานสะอาด (Clean Fuel) รวม 8,000 เมกะวัตต์ ทั้งจากเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติที่จะมุ่งสู่ GAS to Power และพลังงานหมุนเวียน
อีกทั้ง จะลดพอร์ตการลงทุนธุรกิจถ่านหิน ในอินโดนีเซียลง ตามเทรนด์ของโลกที่มุ่งพลังงาสะอาดโดยยังอยู่ระหว่างศึกษากระบวนการปรับลดการลงทุนที่เหมาะสม ทั้งการนำบริษัท Sakari Resources Limited (SAR) เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์อินโดนีเซีย การหาพันธมิตรร่วมทุน และการขายธุรกิจออกไป ซึ่งยังไม่สามารถสรุปได้ว่าจะมีความชัดเจนเมื่อใด
ส่วนความคืบหน้าการลงทุน 2 โครงการในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) นั้น ยังคาดหวังว่าโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 และโครงการท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 จะได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลและลงนามร่วมลงทุนได้ไม่เกินไตรมาส 4 ปีนี้ และจะสามารถเริ่มการลงทุนได้ในปี 2563
ขณะที่การนำบริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) นั้น ยืนยันว่า ปตท. ยังมีแผนที่จะนำ OR เข้าจดทะเบียนในตลาดฯ แต่จะเป็นช่วงเวลาใดนั้น ยังจะต้องพิจารณาอย่างรอบครอบ ที่ต้องคำนึงปัจจัยต่างๆ และจังหวะที่เหมาะสม
