ดีป้า เตรียมจัดใหญ่ ประชุม ASCN 2019 ปลุกอาเซียนตื่นตัวสมาร์ทซิตี้

16 ส.ค. 2562 | 05:42 น.

ดีป้า เตรียมจัดงานประชุมเครือข่ายเมืองอัจฉริยะอาเซียน ASEAN Smart Cities Network : ASCN ระหว่างวันที่ 22-24 สิงหาคมนี้ ดึง 26 เมืองอัจฉริยะอาเซียนนำร่องร่วมประชุมประจำปี (ASCN Annual Meeting 2019) เคาะแนวทางดำเนินงานและแผนการพัฒนาสมาร์ทซิตี้ก่อนยื่นประชุมอาเซียนใหญ่ปลายปี ควบคู่การจัดงาน ASEAN Smart Cities Network Conference & Exhibition 2019 กิจกรรมออกบูธ นิทรรศการเมืองอัจฉริยะกว่า 70 ราย และการบรรยายจากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาเมืองชั้นนำ   50 คน จากหลากหลายประเทศ ที่ GMM Live House เซ็นทรัลเวิลด์

  ดีป้า เตรียมจัดใหญ่ ประชุม ASCN 2019 ปลุกอาเซียนตื่นตัวสมาร์ทซิตี้

ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า เผยว่า ในการจัดงานประชุมเครือข่ายเมืองอัจฉริยะอาเซียน หรือ ASEAN Smart Cities Network : ASCN ครั้งแรกของไทยเริ่มเมื่อวันที่ 6-7 มิถุนายน 2562 ที่ผ่านมา โดยมีเครือข่ายเมืองอัจฉริยะอาเซียนทั้ง 26 เมืองนำร่องประกอบด้วย บันดาร์เสรีเบกาวัน กรุงเทพมหานคร บันยูวังงี พระตะบอง เซบู ชลบุรี ดานัง ดาเวา จาการ์ตา ฮานอย โฮจิมินห์ ยะโฮร์บาห์รู โกตากินะบะบู กัวลาลัมเปอร์ กูซิง หลวงพระบาง มะกัสซาร์ มัณฑะเลย์ มะนิลา เนปิดอว์ พนมเปญ ภูเก็ต เสียมราฐ สิงคโปร์ เวียงจันทน์ และย่างกุ้ง จากใน 10 ประเทศสมาชิก ร่วมประชุม (Roundtable Meeting) แลกเปลี่ยนแนวคิดการพัฒนาเมือง พร้อมหารือแนวทางการดำเนินการและติดตามผลอย่างเป็นรูปธรรม และกิจกรรมเสวนาโดยผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีทั้งไทยและต่างประเทศ

 

โดยภาพรวมของการจัดงานประชุมเครือข่ายเมืองอัจฉริยะอาเซียน หรือ ASEAN Smart Cities Network : ASCN ครั้งที่ผ่านมา ถือว่าประสบความสำเร็จเกินคาด เพราะนอกจากจะเป็นการร่วมประชุมระดับอาเซียนที่นำไปสู่การร่วมกันพัฒนาเมืองอัจฉริยะอาเซียนอย่างยั่งยืนแล้ว ยังได้เปิดมุมมองด้านการพัฒนาเมืองจากผู้มีประสบการณ์ตรงมาถ่ายทอดให้ฟัง โดยได้รับความสนใจจากหน่วยงานภาครัฐ และเอกชนทั้งของไทยและต่างชาติอย่างเกินความคาดหมาย โดยทางดีป้าได้คาดการจำนวนผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรมไว้ที่ประมาณ 300 คน แต่มียอดลงทะเบียนจริงทั้งหมดกว่า 600 คน ซึ่งมากกว่าเท่าตัว ซึ่งถือเป็นสัญญาณอันดีว่าประเทศไทยให้ความสนใจและตื่นตัวกับการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ ในระดับที่น่าพอใจ ผอ.ดีป้ากล่าวเสริม

 

 

 

ทั้งนี้สำหรับการประชุม ASCN ซึ่งถือเป็นครั้งที่ 2 นั้น จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 22-24 สิงหาคม 2562 นี้ โดยได้แบ่งกิจกรรมออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่

 

1. การประชุม ASCN Annual Meeting 2019 เป็นการประชุมแบบปิดของตัวแทนเมืองอัจฉริยะนำร่องทั้ง 26 เมือง โดยมี นางสาวอัจฉรินทร์ พัฒนพันธ์ชัย ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยจะจัดที่ โรงแรมเรเนซองส์ราชประสงค์ เพื่อติดตามความก้าวหน้าในการดำเนินงานพัฒนาเมืองของแต่ละเมืองนำร่อง และจะเป็นการนำประเด็นหารือจากการประชุมครั้งแรกมาสรุปให้ที่ประชุมรับทราบ ได้แก่ ข้อกำหนดขอบเขตการดำเนินการของเครือข่ายเมืองอัจฉริยะอาเซียน (ASCN TERMS OF REFERENCE) และการกำหนดเกณฑ์การขยายสมาชิกเครือข่ายเมืองอัจฉริยะอาเซียน (ASCN MEMBERSHIP EXPANSION CRITERIA) รวมถึงการกำหนดเครื่องมือชีวัดการดำเนินงาน (Monitoring and (M&E) Framework) เพื่อให้เกิดการดำเนินงานพัฒนาเมืองอัจฉริยะอาเซียนอย่างบูรณาการและเกิดเป็นรูปธรรม ซึ่งจะเป็นแนวทางสำคัญในการดำเนินงานของเครือข่ายเมืองอัจฉริยอาเซียน ก่อนที่จะรายงานต่อที่ประชุมอาเชียนใหญ่ในเดือน พฤศจิกายน 2562 นี้ต่อไป

 

2. การจัดนิทรรศการเมืองอัจฉริยะ (ASEAN Smart Cities Network : Conference and Exhibition 2019)  จะจัดขึ้นที่ หอประชุม GMM Live House ชั้น 8 เซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งมีการออกบูธ นิทรรศการเมืองอัจฉริยะจากผู้ประกอบการและหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน จากหลากหลายประเทศรวมกว่า 70 ราย และการบรรยายจากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาเมืองชั้นนำ 50 คน โดยมี นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ร่วมบรรยายพิเศษในหัวข้อ Smart City Framework and Guidance for Thailand : Smart City Phuket และ อีกหลากหลายหัวข้อที่น่าสนใจ อาทิ City X Tech : Hacking Exponential Growth through Deep Innovation, Ultimate Driving Forces: Reengineering Public-Private-Partnership, Sustainable-By-Design : Creativity and the City, Better City through Better Digital Governance

 

การจัดการประชุม ASCN ในครั้งนี้ มีความตั้งใจที่จะรวบรวม ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี มาแบ่งปันแลกเปลี่ยนประสบการณ์และผลสำเร็จจากการพัฒนาเมืองอัจฉริยะของแต่ละแห่ง ในลักษณะทอล์คโชว์ ด้วยบรรยากาศที่เป็นกันเอง รวมถึงการจัดนิทรรศการเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลที่หลากหลาย เพื่อเป็นแนวทางในการปรับตัวเข้าสู่ยุคดิจิทัล และการเตรียมพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นจากเทคโนโลยีดิจิทัล หรือ Digital Disruption ที่จะเกิดขึ้นอีกมากในอนาคตอันใกล้ รวมถึงการมีกิจกรรมจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) และการแลกเปลี่ยนแนวคิด ให้คำปรึกษาด้านการพัฒนาเมืองอัจฉริยะภายในงานด้วย ซึ่งคาดว่าจะมีผู้สนใจทั้งประชาชนทั่วไปตลอดจนผู้บริหารระดับสูงจากทั้งภาครัฐและเอกชนในประเทศ และ ต่างประเทศ มาร่วมงานในครั้งนี้กว่า 5,000 คน ดร.ณัฐพล กล่าวเสริม