ดาวโจนส์ดิ่งแรงกว่า 800  จุด กังวล inverted yield curve สะท้อนศก.ถดถอย

15 ส.ค. 2562 | 00:23 น.

ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืนนี้ (14 ส.ค.)ดิ่งลง 800.49 จุด หรือลดลง 3.05% ปิดที่ 25,479.42  จุด ดัชนี S&P500 ลดลง 85.72 จุด หรือลดลง 2.93% ปิดที่ 2,840.60  จุด และดัชนีNasdaq ร่วง 242.42 จุด หรือลดลง 3.02% ปิดที่ 7,773.94  จุด ตลาดหุ้นนิวยอร์กดิ่งลง เนื่องจากกังวล inverted yield curve ซึ่งเป็นภาวะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นอยู่สูงกว่าพันธบัตรระยะยาว โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปีดีดตัวเหนืออัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี  บ่งชี้ถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอย

ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงหนักสุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2561 หลังจากตลาดพันธบัตรสหรัฐส่งสัญญาณถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอย โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐเกิดภาวะ inverted yield curve เมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นภาวะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นอยู่สูงกว่าพันธบัตรระยะยาว โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี อยู่ที่ระดับ 1.630% สูงกว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ที่อยู่ระดับ 1.623%

นอกจากนี้นักลงทุนยังวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอในหลายประเทศ โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) เปิดเผยว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนกรกฏาคมขยายตัว 4.8%  YoY ซึ่งเป็นการขยายตัวในอัตราต่ำสุดในรอบ 17 ปี ขณะที่สำนักงานสถิติแห่งชาติเยอรมนีเปิดเผยว่า GDP ไตรมาส 2/2562 หดตัวลง 0.1% QoQ ซึ่งเป็นการหดตัวครั้งแรกนับตั้งแต่ไตรมาส 3/2561

รวมไปถึงการที่ตลาดจับตาข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากนายวิลเบอร์ รอสส์ รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐกล่าวว่า การที่สหรัฐตัดสินใจชะลอการขึ้นภาษีต่อสินค้าบางรายการที่นำเข้าจากจีนนั้น ไม่ได้มีสาเหตุจากการที่สหรัฐยอมอ่อนข้อหรือมีการแลกเปลี่ยนทางการค้ากับจีน แต่เป็นเพราะรัฐบาลต้องการช่วยเหลือผู้บริโภคชาวอเมริกัน

หุ้นกลุ่มธนาคารดิ่งลงหนักจากความกังวล  inverted yield curve ในตลาดพันธบัตร โดยหุ้นเวลส์ ฟาร์โก ดิ่งลง 4.3% หุ้นเจพีมอร์แกน เชส ดิ่งลง 4.15% หุ้นซิตี้กรุ๊ป ทรุดลง 5.3% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ดิ่งลง 4.7% และหุ้นโกลด์แมน แซคส์ ดิ่งลง 4.2%