รัฐลุยประกันรายได้  5 พืชเกษตรมีลุ้นกระเป๋าตุง? 

14 ส.ค. 2562 | 03:39 น.

เกษตรกรตั้งตารอต่อนโยบายประกันรายได้เกษตรกรใน 5 พืชเศรษฐกิจหลักที่พรรคประชาธิปัตย์ได้หาเสียงไว้ ได้แก่ ข้าว (ข้าวเปลือกเจ้า/ข้าวขาวตันละ 1 หมื่นบาท,ข้าวเปลือกหอมมะลิ 105 ตันละ 1.5 หมื่นบาท)  ยางพารา 60 บาทต่อกิโลกรัม(กก.) ปาล์มน้ำมัน 4 บาทต่อกก. ข้าวโพด(คาด 8 บาทต่อกก.) และมันสำปะหลัง(คาด 2.50 บาทต่อกก.) รวมเกษตรกรที่เกี่ยวข้องกว่า 27 ล้านคนทั่วประเทศ โดยมุ่งหวังเงินจะหมุนไปหาในเร็ววัน

รัฐลุยประกันรายได้  5 พืชเกษตรมีลุ้นกระเป๋าตุง? 

คิกออฟกันเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2562 นายจุรินทร์  ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และกำกับดูแลกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้นำร่องหารือร่วมกับตัวแทนชาวสวนปาล์ม สภาเกษตรกรแห่งชาติ และตัวแทนกรม กอง ของหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เคาะราคาประกันรายได้ปาล์มน้ำมัน 4 บาทต่อกก.(น้ำมัน 18%) โดยส่วนต่างราคาตลาดกับราคาประกันจะมีคณะอนุกรรมการที่จะจัดตั้งขึ้นเป็นผู้คำนวณทุก 15 วัน และจะโอนเงินส่วนต่างเข้าบัญชีของเกษตรกรผ่านธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) ปีละ 4 ครั้งหรือในทุก 3 เดือน
 

การประกันรายได้ปาล์มได้เตรียมนำเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ(กนป.) และนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุมัติต่อไป เบื้องต้นคาดจะใช้งบในส่วนของประกันรายได้ปาล์มมากกว่า 1 หมื่นล้านบาทต่อปี มีเกษตรกรที่เกี่ยวข้องกว่า 2 แสนครัวเรือนหรือกว่า 8 แสนคนได้รับประโยชน์ 

รัฐลุยประกันรายได้  5 พืชเกษตรมีลุ้นกระเป๋าตุง? 

ในส่วนของยางพารา 60 บาทต่อ กก.เบื้องต้นได้เคาะพื้นที่สวนยางของเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนกับการยางแห่งประเทศไทย(กยท.)จำนวน 1.12 ล้านราย(ครัวเรือน)จำกัดพื้นที่เข้าร่วมโครงการได้ไม่เกินรายละ 25 ไร่ รวมพื้นที่ทั้งสิ้นกว่า 13.3 ล้านไร่ (ทางทีมงานรองนายกฯจุรินทร์ะบุจะพยายามหาวิธีให้ชาวสวนยางที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์อีก 3 แสนราย รวมพื้นที่กว่า 5 ล้านไร่สามารถเข้าร่วมโครงการได้ด้วย) ซึ่งราคาประกันรายได้ยาง 60 บาทต่อกก. อ้างอิงราคายางแผ่นรมควันชั้น 3  

รัฐลุยประกันรายได้  5 พืชเกษตรมีลุ้นกระเป๋าตุง? 

ทั้งนี้หากเกษตรกรผลิตเป็นยางแผ่นดิบคุณภาพดีประกันที่ 58 บาทต่อกก. น้ำยางสดที่ 56.50 บาทต่อกก. และยางก้อนถ้วยหรือยางเครฟที่ 50 บาทต่อกก.(คิดคำนวณตามหลักวิชาการ) คาดจะใช้งบประมาณรวม 35,743 ล้านบาท บวกค่าดำเนินการอีก 1,041 ล้านบาท หลักเกณฑ์เงื่อนไข รายละเอียดต่างๆ จะมีความชัดจนใน 2 สัปดาห์นับจากนี้ และนำผ่านขั้นตอนต่าง ๆ เพื่อสู่ภาคปฏิบัติต่อไป 

 

ส่วนประกันรายได้ข้าวเปลือกเจ้า 1 หมื่นบาทต่อตัน และข้าวเปลือกหอมมะลิ 105 ที่ 1.5 หมื่นบาทต่อตัน(ชาวนาอยากให้ครอบคลุมข้าวหอมปทุมธานี ข้าวเปลือกเหนียวและข้าวชนิดอื่น ๆ ด้วย) ถือเป็นอีกเรื่องเร่งด่วนที่รัฐบาลต้องเร่งพิจารณารายละเอียดหลักเกณฑ์เงื่อนไข เพราะเวลานี้ผลผลิตข้าวนาปรังในพื้นที่ภาคกลางกำลังเก็บเกี่ยว ขณะที่ข้าวเปลือกหอมมะลิภาคอีสานจะเริ่มออกปลายปี หากรัฐบาลสามารถดำเนินมาตรการประกันรายได้ในเร็ววันและทันท่วงที ชาวนาก็จะได้รับประโยชน์ ขณะที่ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และมันสำปะหลัง ต่างรอหวังเช่นกัน 

รัฐลุยประกันรายได้  5 พืชเกษตรมีลุ้นกระเป๋าตุง? 

อย่างไรก็ดีจากราคาสินค้าเกษตร ณ วันที่ 13 สิงหาคม 2562 อาทิ ในส่วนของข้าวเปลือกหอมมะลิ ราคาตลาด ณ ปัจจุบันเฉลี่ยที่ 1.7 หมื่นบาทต่อตันซึ่งสูงกว่าราคาประกัน( ราคาประกัน 1.5 หมื่นบาทต่อตัน) หากรัฐดำเนินนโยบายประกันรายได้ก็ไม่ต้องชดเชยส่วนต่างราคา ส่วนราคายางแผ่นรมควันอยู่ที่ 40.99 บาทต่อกก.ต้องชดเชยส่วนต่าง 19.01 บาทต่อกก. ปาล์มน้ำมันเฉลี่ยที่ 2.65 บาทต่อกก. ต้องชดเชย 1.35 บาทต่อกก. มันสำปะหลังเฉลี่ย 2.25 บาทต่อกก. ต้องชดเชย 25 สต.ต่อกก. และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เฉลี่ยที่ 8 บาทต่อกก. ไม่ต้องชดเชย 

 ดังนั้นต้องติดตามว่า กระแสข่าวพรรคประชาธิปัตย์ได้สั่งการไปยัง ธ.ก.ส.เพื่อเตรียมประกันรายได้สินค้าเกษตรที่คาดว่าจะใช้งบประมาณ 5-6 หมื่นล้านบาทจะได้ฤกษ์หมุนไปหาเกษตรกรเมื่อใด และที่สุดแล้วงบจะบานปลายหรือไม่