ชนะใจผู้บริโภค ตอบโจทย์แบรนด์ ด้วยศาสตร์ของ‘Data Science’
คอลัมน์ THOUGHT LEADERSHIP ผู้นำวิสัยทัศน์ โดย : สุรสีห์ ประมุข
ในยุคนี้องค์กรทั้งหลายต่างก็ตื่นตัวในเรื่องของการนำข้อมูลหรือดาต้ามาใช้ประโยชน์ในองค์กร ซึ่งการนำข้อมูลหรือปัจจัยต่างๆ มาวิเคราะห์เพื่อหาจุดอ่อน- จุดแข็ง หรือโอกาสทางธุรกิจนั้นก็นับเป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญที่นักการตลาดได้นำมาใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพทางด้านการวางแผนการลงทุน รวมไปถึงการแข่งขันทางธุรกิจ อีกทั้งยังเป็นการคาดการณ์และป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดจากสถานการณ์ต่างๆที่ไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งจะทำให้นักการตลาดสามารถเตรียมการวางแผนรับมือได้อย่างเหมาะสมและทันต่อเหตุการณ์
โดยรูปแบบของการวิเคราะห์ข้อมูลที่เป็นที่นิยมใช้อย่างกว้างขวาง ทั้งในระดับสากลและในประเทศไทยนั้นถูกเรียกว่า การจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data Management) โดยอาศัยหลักการวิเคราะห์ทางคณิต ศาสตร์และสถิติ รวมถึงความรู้ทางด้านวิศวกรรมคอมพิวเตอร์มาประยุกต์เข้าด้วยกัน ในการทดสอบสมมติฐาน (Testing Hypothesis) และทดสอบตัวแบบทางสถิติ (Statistical Modelling) เพื่อที่จะคาดการณ์ยอดขายหรือทำนายพฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคกลุ่มต่างๆ เพราะหากองค์กรยิ่งได้ข้อมูลที่แม่นยำมากเท่าไร การคาดการณ์และวางแผนทางการตลาด หรือการวางแผนการลงทุนทางธุรกิจในอนาคตก็ย่อมมีประสิทธิภาพมากขึ้นเท่านั้น
Source: https://twitter.com/ElectionEday/status/ 997389618298400768
ซึ่งในปัจจุบันก็ได้มีการต่อยอดโดยการนำข้อมูลดังกล่าวมาวิเคราะห์เพิ่มเติมร่วมกับทางผู้ชำนาญเฉพาะในด้านข้อมูลอย่างนักวิทยาศาสตร์ข้อมูล (Data Scientist) ทำให้ได้ข้อมูลที่น่าเชื่อถือและแม่นยำมากยิ่งขึ้น โดยธุรกิจที่นำเรื่องของการจัดการข้อมูลขนาดใหญ่เข้ามาใช้อย่างเด่นชัดที่สุดก็คือ ธุรกิจการเงินการธนาคาร ธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจท่องเที่ยวและโรงแรม หรือแม้กระทั่งธุรกิจด้านการสื่อสารโทรคมนาคม เป็นต้น
และหลักการของวิทยา ศาสตร์ข้อมูลนี้ ก็ยังได้ถูกนำมาประยุกต์เข้ามาใช้ในการลงทุนโฆษณาและการวางแผนการซื้อสื่อ (Media Investment) ด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นทั้งสื่อออนไลน์หรือออฟไลน์ก็ตาม ซึ่งการประยุกต์ใช้หลักการนี้ ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายทั้งในฝั่งอเมริกา และทางยุโรป โดยสำหรับในประเทศ ไทย ไอพีจี มีเดียแบรนด์ส ได้นำ หลักการนี้เข้ามาช่วยในการวิเคราะห์ วางแผนให้กับลูกค้า เพื่อช่วยในการวางแผนสื่อทั้งออนไลน์และออฟไลน์ให้มีประสิทธิภาพตอบสนองวัตถุประสงค์ทั้งในด้านภาพลักษณ์ของสินค้า, เพิ่มการมีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์ หรือจนถึงในเรื่องของการเพิ่มยอดขายของสินค้าทั้งในระยะสั้น และระยะยาว
สำหรับการซื้อสื่อออนไลน์นั้น ก็ได้ใช้หลักการดังกล่าวมาใช้ร่วมกับการวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ อย่าวเช่น หน้าเว็บไซต์ที่ผู้บริโภคเข้าชม หมวดของสินค้าหรือเนื้อหาคอนเทนต์ที่สนใจ ช่วงเวลาที่เข้าชม ฯลฯ แล้วนำเอาผลสรุปหรืออินไซท์ที่ได้มาวางแผนการลงโฆษณาในสื่อออนไลน์ว่า สินค้าชนิดนี้ควรลงโฆษณาในเว็บไซต์ประเภทใดหรือเวลาใดเพื่อให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด เพื่อให้ผู้ใช้เว็บไซต์ได้เห็น และรับรู้ถึงสินค้า อันจะนำไปสู่การซื้อสินค้าในที่สุด
เช่นเดียวกับการลงโฆษณาในสื่อออฟไลน์หรือสื่อดั้งเดิม (Traditional Media) ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งผลจากการวิเคราะห์ด้วยหลักการดังกล่าวจะช่วยบอกได้ว่าสื่อไหนเหมาะสมในช่วงเวลาใด หรือควรใช้อย่างไร ควรลงโฆษณามากน้อยเพียงใดจึงจะเหมาะสมที่สุด เพื่อทำให้เกิดการรับรู้ถึงแบรนด์ (Brand Awareness) และยอดขาย (Sale Revenue) สูงที่สุดภายใต้ปัจจัยหรือความเสี่ยงในสถานการณ์ต่างๆ
หลักการทางวิทยาศาสตร์ข้อมูล (Data Science) จึงนับเป็นการนำศาสตร์ทางด้านการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่มาผสมผสานและเพิ่มเขี้ยวเล็บให้กับธุรกิจมีเดียได้อย่างลงตัว ซึ่งท้ายที่สุดก็สามารถส่งผลให้แบรนด์สินค้ามีโอกาสในการบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจได้สูงขึ้น รวมไปถึงผู้บริโภคที่จะได้รับข้อมูล, เนื้อหาคอนเทนต์ หรือข้อเสนอสินค้า/โปรโมชันต่างๆที่ตรงกับใจและสิ่งที่ตนเองต้องการมากที่สุดเช่นกัน
หน้า 31 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ | ฉบับ 3496 ระหว่างวันที่ 15 - 17 สิงหาคม 2562