"ทอท.-บินไทย" ฉีกกรอบ ปั้นรายได้ผ่านโลกดิจิทัล
2 รัฐวิสาหกิจ รุกสร้างรายได้ใหม่จากโลกดิจิทัล ทอท.ดีเดย์ 21 ส.ค.เปิดตัวแอพ “AOT AIRPORTS” ให้ผู้โดยสารเข้าถึงบริการของสนามบินแบบเรียลไทม์ ด้านบินไทย ดันขายสินค้าผ่านอี-คอมเมิร์ซ พ.ย.นี้
ท่ามกลางการผันผวนด้านการท่องเที่ยว และข้อจำกัดในแง่ของพื้นที่ในการสร้างรายได้เชิงพาณิชย์ ทำให้ 2 รัฐวิสาหกิจ ทั้งบริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)หรือทอท. และบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ต่างมองเห็นโอกาสในการสร้างรายได้ใหม่ในยุคดิจิตอล
เริ่มที่ ทอท.จะเปิด AOT DIGITAL AIRPORTS ในวันที่ 21 สิงหาคมนี้ ซึ่งเป็นก้าวแรกของการสร้างรายได้จากโลกเสมือนจริงหรือดิจิทัล แพลตฟอร์ม เพื่อก้าวเข้าสู่ธุรกิจไร้พรมแดน ด้วยการให้บริการครบวงจรด้านการเดินทางท่องเที่ยว ทั้งการขนส่งผู้โดยสารและบริการด้านคาร์โกขณะที่การบินไทยก็อยู่ระหว่างพัฒนาการหารายได้ผ่านอี-คอมเมิร์ซ ในลักษณะการเป็นตลาดกลาง หรือ Marketplace เจาะกลุ่มลูกค้าที่ใช้บริการการบินไทยกว่า 20 ล้านคนทั่วโลก เป็นฐานในการช็อปปิ้งสินค้า
นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)หรือทอท. เปิดเผย“ฐานเศรษฐกิจ”ว่า ทอท.อยู่ระหว่างพัฒนาโครงการ AOT Digital Platform โดยจะนำร่องเปิดตัว AOT DIGITAL AIRPORTS เป็นโมดูล (ระบบ) แรก วันที่ 21 สิงหาคมนี้ โดยแอพพลิเคชันดังกล่าวช่วยให้ผู้โดยสารสามารถเข้าถึงการให้บริการของสนามบิน ซึ่งเป็นข้อมูลแบบเรียลไทม์ผ่านมือถือ
ระบบนี้จะทำให้ผู้โดยสารรู้สึกว่าสนามบินมีชีวิต เช่น การตรวจสอบเที่ยวบิน ตรวจสอบกระเป๋าเดินทาง มาถึงสายพานแล้ว หรือข้อมูลห้องนํ้าที่ใกล้ที่สุดระหว่างเดิน และลานจอดรถในสนามบินจุดไหนที่เต็มแล้ว เพื่อผู้โดยสารจะได้วางแผนการเดินทางและใช้บริการในสนามบินได้ ซึ่งเป็นการเชื่อมระบบเซ็นเซอร์กับเทคโนโลยี Beacon ที่จะคล้ายกับจีพีเอส ภายในอาคาร ที่จะรู้ตำแหน่งของผู้โดยสารในสนามบิน
ต่อจากนั้นในอีก 1-2 เดือน จะพัฒนาระบบการสะสมแต้ม AOT Point คาดจะดำเนินการแล้วเสร็จก่อนสิ้นปีนี้ เช่น เปิดให้ระบบสะสมบัตรเครดิตของแต่ละธนาคาร นำมาแลกแต้ม AOT Point เพื่อนำไปใช้ในสิทธิประโยชน์ การแลกรับอาหารเครื่องดื่มกับร้านค้าในสนามบิน ส่วนลดการให้บริการต่างๆ เช่น ดิวตี้ฟรี เช่ารถ จองโรงแรม ห้องรับรองในสนามบิน
รวมถึงการเป็นพันธมิตรกับหน่วยงานต่างๆ อาทิ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน)หรือPTG ที่ทำให้สามารถโอน point ไปมาระหว่าง AOT point และ PT point เพื่อเพิ่มความหลากหลายในการใช้พอยต์ และเป็นเรื่องสิทธิประโยชน์โปรโมชันให้กับลูกค้า PT ที่ดาวน์โหลดแอพพลิเคชัน และมาใช้บริการต่างๆ ในสนามบิน
“ทอท.เปิดตัวระบบนี้ขึ้นมาก่อน เพื่อให้เห็นภาพ เพราะเรามองถึงการเชื่อมโยงข้อมูลเหล่านี้ ร่วมกับ 15 สนามบินในต่างประเทศที่เป็นซิสเตอร์ แอร์พอร์ตกับทอท. โดยขณะนี้ได้หารือกับสนามบินมิวนิกและสนามบินแฟรงก์เฟิร์ต ที่จะเชื่อมโยงข้อมูลร่วมกันแบบเรียลไทม์บนถือมือ ต่อไปเมื่อผู้โดยสารไปมิวนิก สามารถจองโรงแรม หรือรถเช่า รวมถึงใช้สิทธิประโยชน์หรือโปรโมชันต่างๆในซิสเตอร์ แอร์พอร์ตต่างๆ ของทอท.ได้ด้วย ไม่ใช่แค่ใช้สิทธิประโยชน์ในสนามบินของทอท.ทั้ง 6 แห่งในไทยเท่านั้น”
นายนิตินัย กล่าวต่อว่า การทำ AOT Digital Platform ทางกลุ่มกิจการร่วมทุนจีฟินน์-สกาย (บริษัทจีฟินน์ คอร์ปอเรชั่น จำกัดและบริษัทสกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน)) เป็นผู้ชนะประมูลโครงการ โดยจะเป็นผู้ทำแพลตฟอร์มนี้ผ่านมือถือ ให้ทอท. แลกกับการบริหารแต้ม AOT point โดยจ่ายส่วนแบ่งรายได้ให้ทอท.15%
นอกจากนี้การพัฒนาขั้นต่อไปที่จะเป็นโมดูลที่ 2 คือ การนำ AOT Digital Platform มาใช้ในด้านที่เกี่ยวกับการโอเปอเรชันในสนามบินของทอท. เพื่อให้รู้ว่าข้อมูลในการบริหารจัดการการให้บริการผู้โดยสาร เพื่อลดความแออัดของการให้บริการในสนามบิน ซึ่งจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้ จากนั้นจะต่อด้วยโมดูลที่ 3 คือ ดิจิทัล ออฟฟิศ เพื่อทำให้เกิดการติดตามงานต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว
โมดูลสุดท้ายคือเรื่องดิจิทัล แพลตฟอร์ม ด้านการขนส่งสินค้าทางอากาศหรือคาร์โก้ “ดิจิทัล แพลตฟอร์มของ ทอท.นอกจากจะเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการผู้โดยสาร ยังช่วยเพิ่มรายได้จากการดำเนินธุรกิจให้ ทอท.ได้เป็นอย่างมาก ที่จะเป็นรายได้ใหม่ที่จะเกิดขึ้น หากเทียบกับการเปิดสัมปทานดิวตี้ฟรีหรือพื้นที่เชิงพาณิชย์ในสนามบินต่างๆ ก็มีพื้นที่จำกัดอยู่แค่นั้น การขยายรายได้ในส่วนนี้สูงสุดก็ได้แค่พื้นที่ที่มีเท่านั้น” นายนิตินัย กล่าวทิ้งท้าย
ด้านนายสุเมธ ดำรงชัยธรรม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) เผยว่า การหารายได้ของการบินไทย ผ่านธุรกิจ อี-คอมเมิร์ซ ถือว่ามีความคืบหน้าไประดับหนึ่ง ในการหาซัพพลายเออร์เข้ามาดำเนินการ คาดว่าน่าจะเริ่มได้ในราวเดือนตุลาคมหรือพฤศจิกายนนี้ ซึ่งโครงการนี้มั่นใจว่าจะสร้างรายได้สำคัญในอนาคตให้การบินไทย และล่าสุดได้รับนโยบายให้นำสินค้าโอท็อปเข้ามาร่วมขายด้วย ซึ่งจะเร่งเขียนโครงการ ในเรื่องการคัดเลือกสินค้า รูปแบบการนำเสนอ และการจัดส่ง
หน้า 1 ฉบับที่ 3,495 วันที่ 11 - 14 สิงหาคม พ.ศ. 2562
