LGT ขอเป็นหนึ่งในใจคนไทยด้านบริหารความมั่งคั่ง

14 ส.ค. 2562 | 05:15 น.

 

 

หลังเปิดสำนักงานในไทยอย่างเป็นทางการไปเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ภายใต้ชื่อบริษัทหลักทรัพย์(บล.) แอลจีที (ประเทศไทย) จำกัด (LGT Securities (Thailand) Limited) LGT กลุ่มธุรกิจการเงินและการลงทุนทรัพย์สินของราชวงศ์ลิกเตนสไตน์และเป็นเจ้าของธนาคารแห่ง
ลิกเตนสไตน์ พร้อมให้บริการด้านการลงทุนและการบริหารความมั่งคั่งระดับโลกให้กับลูกค้าในไทยเป็นแห่งที่ 3 ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก จากที่เปิดตัวไปแล้วในฮ่องกง(1986) และสิงคโปร์(2001)

นายเอกภพ เมฆกัลจาย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.LGT Securities (Thailand) Limited เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่าในแง่การบริหารสภาพคล่อง โดยส่วนตัวจากประสบการณ์ที่คลุกคลีในวงการธนาคารทั้ง Standard chartered,Citibank , Bank of America และติดตามคุณผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทยโดยดูแลตลาดเงินตลาดทุนทำให้เห็นเทรนด์การเปลี่ยนแปลงของบุคลากร ด้านการเงินที่เก่งๆ ที่เปลี่ยน ประสบการณ์มาดูแลลูกค้ากลุ่มเวลธ์ (Wealth) จากเดิมที่ดูแลลูกค้าสถาบัน

LGT ขอเป็นหนึ่งในใจคนไทยด้านบริหารความมั่งคั่ง

เอกภพ เมฆกัลจาย

 

 

นอกจากนั้นยังเห็นเทรนด์การสืบทอดมรดกของคนรุ่นใหม่และการลงทุนของผู้บริหารหรือคนอายุรุ่นราวคราวเดียวกันที่ให้นํ้าหนักเรื่องการลงทุนต่างประเทศมากขึ้น เพื่อกระจายความเสี่ยง จากเดิมที่สินทรัพย์การลงทุนจะอยู่ในประเทศเป็นหลักอย่างอสังหาริมทรัพย์หรือเงินฝากประกอบกับ
คนรุ่นใหม่ยังมองเห็นโอกาสของข้อมูลและเทคโนโลยีต่างๆ จึงต้องการกระจายการลงทุนในสินทรัพย์เหล่านี้มากขึ้น และมุ่งเน้นลงทุนในคุณภาพสิ่งแวดล้อมเช่น กองทุน ESG หรือกระจายลงทุนในบริษัทที่จัดตั้งนอกตลาดก่อนจะเข้าจดทะเบียนในตลาด หลักทรัพย์ฯ

ทั้งนี้ หลังจากที่ LGT เปิดสำนักงานสาขาในไทยพบว่า ผลตอบรับดีมาก ซึ่งมาจาก 2 สาเหตุคือ คนไทยต้องการลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น จึงต้องการได้รับการดูแลและแนะนำจากผู้ที่มีความเชี่ยวชาญ หรือสถาบันที่ดูแลด้านความมั่งคั่งเป็นการเฉพาะประกอบกับค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่าและนโยบายสนับสนุนทั้งจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ส่งเสริมนักธุรกิจไทยให้ออกไปลงทุนต่างประเทศได้โดยตรง

 

จุดแข็งของ LGT ซึ่งโฟกัส Private Banking โดยไม่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และมีเจ้าของเพียงผู้เดียวคือ ราชวงศ์ ลิกเตนสไตน์ ซึ่งสืบทอดการบริหารสินทรัพย์แห่งราชวงศ์ไม่ตํ่ากว่า 30 เจเนอเรชัน กว่า 900 ปี จึงมีวัฒนธรรมองค์กรเอื้อให้สามารถทำธุรกิจระยะยาวได้ ไม่ว่าคัดเลือกหรือกระจายผลิตภัณฑ์การลงทุนได้หลากหลายในระยะยาว โดยไม่กดดันด้านการขายและผลประกอบการ โดยมีเป้าหมายที่กลุ่มนักลงทุนรายใหญ่หรือ High net worth investors ที่มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร(AUM) เกินกว่า 50 ล้านบาทขึ้นไป

สำหรับการสร้างฐานลูกค้าใหม่ในไทยนั้น จุดประสงค์หลักปีนี้ต้องการเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นมาตรฐานสากลสำหรับลูกค้าคนไทย เน้น Concept ผลประโยชน์ที่สอดคล้องกันระหว่างพนักงานกับลูกค้าคือคุณภาพบริการ เพื่อลดข้อจำกัดของคนไทย ด้วยการกระจายความเสี่ยงการลงทุนออกไปต่างประเทศวางแผนการลงทุนระยะยาว กระจายความเสี่ยงในหลายประเภทสินทรัพย์และกระแสการลงทุนในหุ้นที่ผ่าน ESG (Environmental, Social, and Governance) ซึ่งเป็นเทรนด์ ตลาดที่ลูกค้าให้ความสำคัญกับผลตอบแทนที่มั่นคงและยืน ซึ่ง LGT  มีความชํ่าชองมาก

“เราจะเป็นหนึ่งใน Top of mind ของลูกค้าด้วยคุณภาพของคำแนะนำบุคลากรซึ่งมาจากผู้ถือหุ้น LGT จึงเป็นหนึ่งเดียวที่ลูกค้าเห็นความแตกต่างของการลงทุนส่วนบุคคลเฉพาะรายหรือเทเลอร์เมดไม่เน้นการขายลงทุนในทุกตลาดและดูแลลูกค้าคนไทยในหลาย Generation”

 

หน้า 19-20 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,495 วันที่ 11 - 14 สิงหาคม พ.ศ. 2562