เกาะเทรนด์สุขภาพ ‘สมูทอี’ สบช่องแตกไลน์ธุรกิจ

11 ส.ค. 2562 | 08:08 น.

สมูทอี เดินหน้ารุกธุรกิจเพื่อสุขภาพตามเทรนด์ Wellness โลก จ่อเปิดให้บริการคลินิกด้านเฮลธ์แอนด์บิวตี้ สร้างสุขภาพจิตที่ดีให้คนมีอายุยืนสอดรับสังคมผู้สูงอายุ พร้อมขยายโรงเรียนบ่มเพาะธุรกิจ BIS เสริมแกร่งเอสเอ็มอีทั่วประเทศ

พฤติกรรมผู้บริโภคในยุคนี้เริ่มหันมาใส่ใจตัวเองตามเทรนด์สุขภาพที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้น และหากศึกษาตลาดสุขภาพในระดับโลกจะพบว่า เป็นธุรกิจที่โตเร็วกว่าเศรษฐกิจโลกโดยรวม ซึ่งหากแบ่งสัดส่วนของตลาดสุขภาพระดับโลก ธุรกิจความงามและชะลอวัยยังครองส่วนแบ่งตลาดสูงกว่า 25% ตามมาด้วยธุรกิจอาหารเพื่อสุขภาพและลดนํ้าหนัก 16% ธุรกิจท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ 15% ขณะที่ด้านสุขภาพของผู้นำและในที่ทำงานมี 1%

เกาะเทรนด์สุขภาพ ‘สมูทอี’ สบช่องแตกไลน์ธุรกิจ ดังนั้นในช่วงที่ผ่านมาจึงเห็นแบรนด์ต่างๆ หันมาจับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทรนด์สุขภาพมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจโรงพยาบาล อสังหาริมทรัพย์ ฯลฯ เช่นเดียวกับบริษัท สมูทอี จำกัด ประกาศความพร้อมในการก้าวเข้าสู่ธุรกิจ Wellness เต็มรูปแบบ เพื่อสร้างธุรกิจเพื่อสุขภาพโดยบำรุงผิวจากภายนอกสู่ภายในครบวงจร

ภก.ดร.แสงสุข พิทยานุกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท สมูท อี จำกัด และผู้ก่อตั้งโรงเรียนบ่มเพาะธุรกิจ บีไอเอส (BIS) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า สมูทอี ดำเนินธุรกิจเวชสำอางมายาวนานกว่า 25 ปี ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาผลิตภัณฑ์แบรนด์สมูทอี และเดนทิสเต้เป็นที่รู้จักแล้วกับลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ ขณะเดียวกันส่วนตัวพบว่าปัญหาของสุขภาพร่างกายและผิวดูแลแค่เพียงภายนอกอาจไม่เพียงพอ แต่ควรต้องดูแลใจให้ดีด้วยดังนั้นบริษัทจึงมีแนวความคิดและเตรียมขยายธุรกิจจากความงามภายนอกมาสู่ภายใน ซึ่งในช่วงปลายปีนี้บริษัทจะเปิดคลินิกให้บริการตรวจ เช็กและให้คำปรึกษาด้านสุขภาพและผิวพรรณ เช่น การตรวจเลือด สารพิษ ผิวพรรณ ไขมัน กล้ามเนื้อ ฯลฯ ในราคาที่สามารถจับต้องได้

เกาะเทรนด์สุขภาพ ‘สมูทอี’ สบช่องแตกไลน์ธุรกิจ ส่วนตัวมีความเชื่อว่าการมีผิวพรรณ และสุขภาพที่ดีการบำรุงแค่ภายนอกไม่เพียงพอ เพราะความจริงแล้วการมีสุขภาพจิตที่ดีในปัจจุบันเป็นสิ่งสำคัญมากทั้งในแง่ของการดำรงชีวิต และสุขภาพผิวที่ดี ไม่ว่าจะเป็นการพักผ่อนที่ดี คิดดี ขณะเดียวกันภายใน 10-20 ปีข้างหน้าประเทศไทยจะเข้าสังคมผู้สูงวัยเต็มรูปแบบ จะมีอายุเกิน 100 ปีขึ้นไปเนื่องจากการใช้ชีวิตและระบบวิวัฒนาการทางการแพทย์ที่ก้าวหน้า เป็นต้น ดังนั้นบริษัทจึงมีความคิดว่าทำอย่างไรจะทำให้กลุ่มเป้าหมายของคนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มคนอายุ 100 ปีแบบมีคุณภาพ ช่วยตัวเองได้จนนาทีสุดท้าย”

เกาะเทรนด์สุขภาพ ‘สมูทอี’ สบช่องแตกไลน์ธุรกิจ

ขณะเดียวกันในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้ดำเนินการซื้อกิจการร้านขายยา P&F เข้ามาเนื่องจากบริษัทมองว่าตลาดสุขภาพอยู่ในช่วงเติบโต ซึ่งจะมุ่งเน้นการให้บริการให้มีคุณภาพ ขณะเดียวกันจุดแตกต่างของร้านขายยา P&F จากนี้ไปจะมุ่งไปที่กลุ่มลูกค้าคนที่ไม่อยากใช้ยา ซึ่งกลยุทธ์ของร้านขายยาจะเชื่อมโยงกับธุรกิจคลินิกที่จะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ โดยธุรกิจคลินิกจะมีแพทย์ให้บริการ คำปรึกษา รวมทั้งเครื่องมือตรวจร่างกายต่างๆ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้ผู้ใช้บริการ ขณะที่ร้านขายยาไม่มีแพทย์ให้บริการแต่มีผลิตภัณฑ์

เกาะเทรนด์สุขภาพ ‘สมูทอี’ สบช่องแตกไลน์ธุรกิจ

ทั้งนี้ข้อมูลของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) พบว่าปัจจุบันกิจการประเภท SMEs ของไทย คิดเป็น 95% ของธุรกิจทั้งหมด และมีการจ้างงานกว่า 50% ของธุรกิจทั้งหมด SMEs จึงมีส่วนสำคัญต่อการสร้างงาน สร้างรายได้ และเป็นพื้นฐานในการพัฒนาธุรกิจขนาดใหญ่ต่อไป แต่ในช่วงที่ผ่านมาปัญหา SMEs ในประเทศไทยยังมีปัญหาหลายด้าน เช่น ด้านการตลาด ขาดแหล่งเงินทุน ด้านแรงงาน เทคโนโลยีการผลิต ขีดจำกัดด้านการบริหารและจัดการ ปัญหาด้านการส่งเสริมของรัฐและเอกชน ปัญหาด้านการให้บริการของรัฐ ฯลฯ จึงทำให้ไม่สามารถแข่งขันในระดับสากลได้

 

จากข้อมูลเบื้องต้นบริษัทจึงมีแนวคิดที่จะช่วยเหลือและผลักดันผู้ประกอบการไทยให้สามารถแข่งขันในระดับสากลได้ จึงได้มีแนวความคิดขยายโรงเรียนบ่มเพาะธุรกิจ บีไอเอส (BIS) ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยวางแผนขยายสาขาในต่างจังหวัด จังหวัดละ 1 แห่ง พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้นักธุรกิจทั่วประเทศเข้ามาร่วมเป็นพาร์ตเนอร์ช่วยสังคมผลักดันผู้ประกอบการรุ่นใหม่ให้แข่งขันในตลาดโลกได้ เนื่องจากส่วนตัวเชื่อว่านักธุรกิจที่มีประสบการณ์ส่วนใหญ่เมื่อประสบความสำเร็จแล้ว สิ่งที่อยากทำต่อไปคือการเป็นผู้ให้ หรือตอบแทนสังคม

“ผมนำการบริหารธุรกิจและหลักสูตรการบ่มเพาะธุรกิจมารวมกันกลายเป็น Business Incubation แห่งแรกของโลก ขณะเดียวกันยังพบรายงานโดยมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดระบุว่า เด็กรุ่นใหม่หลายคนไม่มีใครอยากเป็นลูกจ้าง ทุกคนอยากเป็นนายตัวเอง และเหตุผลที่ 2 คือ ผมเห็นโอท็อป และผู้ประกอบการ ขนาดกลาง หรือเอสเอ็มอี แต่ที่ผ่านมาไม่สามารถเติบโตระดับประเทศ และระดับสากลได้ ดังนั้นเป้าหมายการเปิดโรงเรียนจึงต้องการมีส่วนทำให้ประเทศไทยมีแบรนด์ระดับโลกเป็นที่รู้จักและยอมรับ”ภก.ดร.แสงสุข กล่าวและว่า

เกาะเทรนด์สุขภาพ ‘สมูทอี’ สบช่องแตกไลน์ธุรกิจ

ในช่วงที่ผ่านมาหลังจากเปิดโรงเรียน BIS พบว่าผู้ที่เข้ามาเรียน หรือผู้ประกอบการแต่ละรายมี DNA ที่แตกต่างกัน ทุกคนมีความเชี่ยวชาญและทักษะเฉพาะบุคคล ดังนั้นหน้าที่ของโรงเรียนคือการส่งเสริมและผลักดันผู้เรียนให้เดินทางไปตามเส้นทางของตัวเองได้ถูกต้อง รวมทั้งสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้เรียนรู้สึกมีพลังจนนำไปสู่การลงมือทำทันที และนำเครื่องมือ องค์ความรู้ด้านต่างๆ ไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด 

หน้า 32 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ | ฉบับ 3495 ระหว่างวันที่ 11 - 14 สิงหาคม 2562