จากกระแสข่าวว่าบริษัทมีทุนจีนมาซื้อบริษัท วงศ์บัณฑิต จำกัดไปแล้วนั้น ท.พ.พงษ์ศักดิ์ เกิดวงศ์บัณฑิต กรรมการผู้จัดการบริษัท วงศ์บัณฑิต จำกัด บริษัทผู้ส่งออกยางพารารายใหญ่ของประเทศ เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ผมยืนยันว่าบริษัทยังเป็นของคนไทยครอบครัววงศ์บัณฑิตและไม่มีนโยบายขายบริษัทฯ หากมีการร่วมทุนใดๆ บริษัทจะต้องมั่นใจว่าจะเป็นประโยชน์ต่อบริษัทฯ ประเทศชาติและชาวสวนโดยรวม
หากพลิกย้อนไปก้าวแรกแห่งการเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมยางธรรมชาติของวงศ์บัณฑิตคือก่อตั้งบริษัทขึ้น เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2530 โดยคุณทวีศักดิ์ และคุณนันทินี เกิดวงศ์บัณฑิต ด้วยทุนจดทะเบียน 700 ล้านบาท สำนักงานใหญ่ อยู่ที่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประกอบธุรกิจประเภทยางพารา โรงงานแห่งแรกสร้างบนพื้นที่ 120 ไร่ ที่ ต.ขุนทะเลอ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี โดยเริ่มจากการผลิตน้ำยางข้น ตามด้วยโรงงานผลิตยางแผ่นรมควัน
ปี 2534 โรงงานยางแท่ง STR ได้ก่อตั้งบนเนื้อที่เดียวกันทำให้โรงงานสาขาสุราษฎร์ธานี กลายเป็นโรงงานผลิตยางพาราที่ครบวงจร และมีกำลังการผลิตสูง (Jumbo Factory) รายแรกของโลก
ต่อมาในปี 2537 บริษัทได้ขยายกิจการไปที่ อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งปัจจุบันมีเนื้อที่ทั้งหมด 500 ไร่
โดยประกอบด้วยโรงงานยางแท่ง STR และโรงงานยางแผ่นรมควันทำให้โรงงานพุนพินกลายเป็นโรงงานผลิต
ยางพาราแปรรูปมีกำลังการผลิตสูงที่สุดในโลก
ปี 2540 บริษัทได้ขยายไปสร้างโรงงานน้ำยางข้นที่ จ.กระบี่บนเนื้อที่ 800 ไร่
ปี 2542 บริษัทฯ ได้เป็นผู้ผลิตและส่งออกยางพาราแปรรูปที่ใหญ่ที่สุดของโลก
ปี 2555 มีการขยายสาขาไปยัง อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร โดยคุณหมอพงษ์ศักดิ์ เกิดวงศ์บัณฑิต คือบริษัท วงศ์บัณฑิตชุมพร จำกัดผลิตยางแผ่นรมควัน และบริษัท วงศ์บัณฑิตชุมพรเอ็นอาร์ จำกัด ผลิตยางแท่ง STR ก่อสร้างบนพื้นที่ 150 ไร่
ในปี 2556 ได้ขยายสาขาไปที่ จ.อุดรธานี ประกอบด้วยบริษัท วงศ์บัณฑิต อุดรธานี จำกัด ผลิตยางแท่ง STR และยางแผ่นรมควันบนพื้นที่กว่า 600 ไร่ ซึ่งพัฒนาระบบการจัดการสิ่งแวดล้อมจนเป็นโรงงานแปรรูปยางพาราขนาดใหญ่ที่ดูแลระบบสิ่งแวดล้อมที่ดีที่สุดในโลก
บริษัท วงศ์บัณฑิต จำกัดขยายกิจการในพื้นที่ จ.ตรัง โดยการเข้าซื้อกิจการ บริษัท ตรังลาเท็กซ์ จำกัดและในปี 2559 ได้ขยายสาขาไปที่ อ.สะเดา จ.สงขลา ผลิตยางแผ่นรมควัน บนพื้นที่ 204 ไร่ในเดือนธันวาคม 2559 ได้จัดตั้งสาขากรุงเทพขึ้น เพื่อเป็นสำนักงานในการติดต่อประสานงานกับบุคคลภายนอกและสถาบันการเงินต่างๆ ให้สะดวกขึ้นในการทำธุรกรรมต่างๆของบริษัทฯโดยสาขากรุงเทพ ประกอบไปด้วยแผนกวางแผนการเงิน และแผนกตรวจสอบภายใน
และในปี 2561 ได้มีการควบรวมกิจการทุกสาขา (EBT) รวมเป็นบริษัท วงศ์บัณฑิต จำกัดซึ่งส่งผลให้ต้นทุนการดำเนินงานลดลงจากขนาดของกิจการที่ใหญ่ขึ้น (Economy of Scale)บริษัทฯ สามารถมีอำนาจต่อรองด้านการค้าที่สูงขึ้น จากส่วนแบ่งของตลาดหลังการควบรวมกิจการที่เพิ่มสูงขึ้นและยังช่วยให้กิจการขยายตลาดเข้าสู่ธุรกิจใหม่ และลดความเสี่ยงในการประกอบธุรกิจปัจจุบัน
บริษัทได้พัฒนาระบบการบริหาร และการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม ยกระดับคุณภาพสิ่งแวดล้อม คุณภาพชีวิต ครอบครัว และสังคมโดยรอบ ด้วยความมุ่งมั่นและวิสัยทัศน์ของผู้บริหารทำให้วงศ์บัณทิตเพิ่มศักยภาพการผลิต และเพิ่มสาขาขึ้นเรื่อยๆ เพื่อให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจสูงสุด เพราะเราเชื่อมั่นว่า“ความพึงพอใจของลูกค้า คือคุณภาพของเรา” วันนี้วงศ์บัณฑิตจึงก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมยางธรรมชาติอย่างเต็มภาคภูมิ