“ธนาธร-อนค.”ได้ลุ้นระทึกอีก ศาลรธน.รับคำร้องปมล้มล้างการปกครอง

19 ก.ค. 2562 | 10:51 น.

“ธนาธร-อนาคตใหม่” มีเรื่องให้ลุ้นระทึกอีก ศาลรธน.รับคำร้องปม “ล้มล้างการปกครองฯ” 
 
วันนี้(19 ก.ค.62) ศาลรัฐธรรมนูญได้เผยแพร่เอกสารข่าวระบุว่า ศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับคำร้องกรณีที่ นายณฐพร โตประยูร ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 ว่า การกระทำของพรรคอนาคตใหม่(อนค.) นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค และคณะกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือไม่

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติโดยเสียงข้างมาก 5 ต่อ 4 เห็นว่า ผู้ร้องได้ใช้สิทธิร้องต่ออัยการสูงสุดเพื่อร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการตามรัฐธรรมนูญ มาตร 49 วรรคสอง แล้ว แต่อัยการสูงสุดมิได้ดำเนินการภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับคำร้องขอ กรณีเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตร 49 วรรคสาม ที่ผู้ร้องจะยื่นคำร้องโดยตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญได้ จึงมีคำสั่งรับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย แจ้งให้ผู้ร้องทราบ ส่งสำเนาคำร้องให้ผู้ถูกร้องทั้งสี่ยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับสำเนาคำร้อง

                                                                          “ธนาธร-อนค.”ได้ลุ้นระทึกอีก ศาลรธน.รับคำร้องปมล้มล้างการปกครอง                                           ณฐพร โตประยูร

ด้านนายณฐพร โตประยูร  ซึ่งยื่นคำร้องดังกล่าว ระบุว่า ตนไปยื่นร้องเรื่องนี้เงียบ ๆ ประเด็นที่ร้องมีหลายประเด็นทั้งพฤติกรรมการกระทำของหัวหน้าและแกนนำพรรคอนาคตใหม่ รวมถึงข้อบังคับพรรคอนาคตที่มีการเขียนในลักษณะไม่ส่งเสริมระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยก่อนหน้านี้ได้ยื่นร้องต่ออัยการสูงสุด และทราบว่ามีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ โดยเตรียมที่จะยื่นเรื่องมายังศาลรัฐธรรมนูญแล้ว 

อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าการดำเนินการเรื่องดังกล่าวไม่ได้มีเบื้องหลังหรือไปรับงานใครมา รวมทั้งตนก็ไม่ได้ทำเพราะโกรธแค้นหรือมีปัญหาอะไรกับนายธนาธร นายปิยบุตรมาก่อนเพราะไม่เคยรู้จัก เพียงแต่เห็นว่าการกระทำของแกนนำและพรรคอนาคตใหม่มีลักษณะเอาระบอบประชาธิปไตยมาอ้าง แต่แท้จริงแล้วมีเจตนาที่ไม่มีดีกับสถาบันเบื้องสูง

 “ก่อนหน้านี้ผมเป็นที่ปรึกษาหลายองค์กรก็ลาออกจากทุกตำแหน่งมาทำเรื่องนี้โดยเฉพาะเลย ถ้าได้อ่านสำนวนที่ผมทำเต็ม ๆ จะเข้าใจว่ามันเป็นเรื่องประชาธิปไตยโดยตรงๆ ผมไม่ต้องการให้ใครแอบแฝงเอาประชาธิปไตยมาอ้าง ผมเก็บข้อมูลของเขาตั้งแต่พฤติการณ์เริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน รวมถึงข้อบังคับพรรค บอกได้เลยว่ามันเป็นอันตรายกับระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายณฐพร เคยเป็นอดีตทนายความของนายวีระ สมความคิด     อดีตทนายความเครือข่ายหัวใจคนไทยรักชาติ และอดีตที่ปรึกษากฎหมายของประธานผู้ตรวจการแผ่นดินมาก่อน 

อย่างไรตาม รัฐธรรมนูญมาตรา 49 กำหนดไว้เพียงว่าผู้ใดทราบว่ามีการใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระกษัตริย์ทรงเป็นประมุขสามารถร้องต่ออัยการสูงสุด เพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการให้เลิกการกระทำดังกล่าวได้  หากอัยการสูงสุดไม่ดำเนินการภายใน 15 วัน ผู้ร้องสามารถยื่นร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญโดยตรงได้ 

แต่การกระทำที่เข้าข่ายเป็นการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและเป็นเหตุยุบพรรค เพิกถอนสิทธิกรรมการบริหารพรรคยังกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญมาตรา 92 ซึ่งกรณีดังกล่าวยังไม่แน่ชัดว่า จะต้องเป็นกรณีที่ศาลพิจารณาจากคำร้องของคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) และนายทะเบียนพรรคการเมืองเท่านั้นหรือไม่ หรือหากศาลฯ ดำเนินการไต่สวนแล้วมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าพรรคการเมืองมีการกระทำการที่มีการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ก็สามารถพิจารณาสั่งยุบพรรคและเพิกถอนสิทธิทางการเมืองได้