หุ้นไทยเมินสกัดเงินร้อน ชี้ช่องลงทุนกลุ่มส่งออกระยะสั้น

17 ก.ค. 2562 | 04:35 น.

 

 

 

โบรกมองมาตรการสกัดเงินร้อนของธปท.ไม่กระทบการลงทุนในหุ้นไทยโดยตรง เพียงแค่ชะลอการไหลเข้าของเงินต่างชาติชั่วคราว ชี้เงินบาทปลอดภัย ต่างชาติขนเงินพัก แนะลงทุนหุ้นกลุ่มส่งออก Outperform ระยะสั้น

หลังจากที่ผ่านมามีกระแสเงินทุนจากนักลงทุนต่างชาติไหลกลับเข้าสู่ประเทศเกิดใหม่ ซึ่งประเทศไทยเป็นหนึ่งในนั้น โดยไทยกลายเป็นแหล่งพักเงินระยะสั้น ขณะที่ค่าเงินบาทปรับแข็งค่าขึ้นเร็วเมื่อเทียบกับสกุลเงินภูมิภาค   อาจส่งผลต่อเศรษฐกิจในภาพรวม ส่งผลให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปรับปรุงหลักเกณฑ์มาตรการการเก็งกำไรค่าเงินบาท เพื่อติดตามพฤติกรรมการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส จำกัด เปิดเผยว่า มาตรการของธปท.คาดจะทำให้การไหลเข้าของเงินทุนจากนักลงทุนต่างชาติชะลอลงระยะสั้น เนื่องจากมาตรการดังกล่าวยังไม่รุนแรง เพียงแค่ธปท.กังวลนักลงทุนต่างชาติจะนำเงินมาพักชั่วคราว เพราะมองว่าเงินบาทมีความปลอดภัย ส่งผลให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น ทั้งนี้ มองว่าไม่กระทบกับผลตอบแทนจากการลงทุนโดยตรง  โดยคาดว่าหลังจากนี้จะยังมีเงินต่างชาติไหลเข้ามาต่อแต่อาจจะชะลอลง เนื่องจากไม่ได้กระทบกับผลตอบแทน จึงยังคงมีแรงจูงใจให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนต่อ

 

หุ้นไทยเมินสกัดเงินร้อน  ชี้ช่องลงทุนกลุ่มส่งออกระยะสั้น

 


 

 

อย่างไรก็ตาม หากมาตรการครั้งนี้ไม่ได้ผล คาดธปท.จะออกมาตรการเพิ่มเติมที่รุนแรงมากขึ้น โดยจะเจาะจงไปที่มาตรการทางภาษี เช่น ดอกเบี้ยพันธบัตร กำไรจากการซื้อขายหลักทรัพย์ (Capital Gain) ซึ่งมาตรการดังกล่าวจะกระทบกับผลตอบแทนจากการลงทุนโดยตรงแน่นอน  อย่างไรก็ตามมองว่าการดำเนินการของธปท.น่าจะค่อยๆ ทำ ยังไม่ถึงขั้นต้องใช้มาตรการรุนแรง 

นายภาดล วรรณรัตนผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า มาตรการป้องปรามการเก็งกำไรค่าเงินบาทของธปท. มีผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยไม่ได้เป็นลบโดยตรง เหมือนมาตรการกันเงินสำรองนำเข้า (URR) 30% ที่เคยนำมาใช้ปลายปี 2549 โดยในครั้งนี้ธปท.มุ่งลดความร้อนแรงของกระแสเงินที่เข้ามาเก็งกำไรค่าเงินบาทเท่านั้น โดยผลกระทบเบื้องต้นมีต่อเงินบาทให้อ่อนค่าทันที 1.3% อยู่ที่ 30.93 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ

 


 

ขณะที่ กระแสเงินทุนต่างชาติอาจชะลอการไหลเข้าตลาดทุนไทยชั่วคราวเพื่อรอให้เงินบาทผันผวนน้อยลง และเป็นไปได้ที่จะเห็นแรงขายออกมาบางส่วน เพื่อหลีกเลี่ยงผลขาดทุนจากค่าเงิน หากเงินบาทยังอ่อนค่าต่อเนื่อง ส่วนผลกระทบต่อตลาดตราสารหนี้ อาจมีแรงขายเพื่อลดความเสี่ยงจากการขาดทุนค่าเงินบาท และเลี่ยงการตรวจสอบจาก ธปท. ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวขึ้น และผลกระทบต่อตลาดหุ้นเป็นลบเพียงเล็กน้อย

 

 

 

ทั้งนี้ แนะนำเก็งกำไรหุ้นส่งออกที่มีโอกาส Outperform โดยมองว่าหุ้นส่งออกจะกลับมา Outperform ในระยะสั้น ได้แก่ กลุ่มเกษตรอาหารจะเด่น เพราะเป็นช่วงที่ราคาสินค้าเกษตรส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้นพอดี หุ้นแนะนำคือ CPF TU และ GFPT ด้านกลุ่มขนส่งมองว่าหลังจากนี้ไปจนถึงต้นปีหน้า จะได้แรงหนุนอุปทานที่หายไปตามการปลดระวางเรือเก่าที่ไม่คุ้มกับการนำมาเปลี่ยนเครื่องยนต์เพื่อรองรับมาตรการ IMO หุ้นแนะนำคือ PSL PRM และ JWD ขณะที่ กลุ่มท่องเที่ยว ต้องจับตารัฐบาลชุดใหม่จะมีมาตรการกระตุ้นภาคท่องเที่ยวที่อ่อนแอสุดในปีนี้หรือไม่ ซึ่งหุ้นแนะนำ คือ AOT และ ERW

บทวิเคราะห์บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุว่า มาตรการสกัดการเก็งกำไรค่าเงินบาท คาดกระทบดัชนีหุ้นไทยจำกัด โดยประเมินทั้ง 2 มาตรการเป็นเพียงการส่งสัญญาณ เพื่อลดการเก็งกำไรในค่าเงิน ดังนั้น ผลกระทบต่อดัชนีหุ้นไทยอาจเป็นผลในเชิงลบระยะสั้นจากกระแสเงินทุนต่างชาติที่คาดชะลอตัวลงเล็กน้อย แต่บวกต่อบางกลุ่ม เช่น ส่งออกและท่องเที่ยว โดยประเมินดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับสั้นบริเวณ 1720 จุด

 

หน้า 17-18  หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ  ปีที่ 39 ฉบับที่ 3488 วันที่ 18-20  กรกฎาคม 2562 

 

หุ้นไทยเมินสกัดเงินร้อน  ชี้ช่องลงทุนกลุ่มส่งออกระยะสั้น