ในงานแสดงสินค้า"Made in America" จัดขึ้นที่ทำเนียบขาวเมื่อวันที่ 15 ก.ค. 2562 ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า สินค้าที่จะได้รับการพิจารณาว่าเป็นสินค้า "Made in America" นั้น จะต้องมีการผลิตมากกว่า 55% ในสหรัฐฯ และเขามีแผนจะปรับเพิ่มเกณฑ์ดังกล่าวเป็น 75% ในอนาคต
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ลงนามในคำสั่งพิเศษของฝ่ายบริหารกำหนดให้หน่วยงานของภาครัฐซื้อสินค้าที่มีการผลิตภายในประเทศให้มากยิ่งขึ้น โดยคำสั่งดังกล่าวได้เพิ่มมาตรฐานเป็นแนวทางในการปฏิบัติภายใต้กฎหมาย “ซื้อสินค้าอเมริกัน” หรือ Buy American Act ให้กับหน่วยงานต่างๆของรัฐบาลใช้เป็นเกณฑ์ในการจัดซื้อจัดจ้างซึ่งจะเน้นให้ความสำคัญกับสินค้าที่ผลิตในสหรัฐฯเอง
ประธานาธิบดีทรัมป์เปิดเผยกับกลุ่มผู้ผลิตในงานแสดงสินค้า "Made in America" ที่ทำเนียบขาวว่า ในอนาคตสินค้าในประเทศต้องผลิตได้ถึง 75% ภายในสหรัฐฯ และ 95% สำหรับสินค้าประเภทเหล็กและเหล็กกล้า จึงจะได้รับการพิจารณาว่าเป็นสินค้า "Made in America"
ในปัจจุบัน เกณฑ์ของสินค้าที่จะได้รับการพิจารณาว่าเป็นสินค้า "Made in America" นั้น ได้แก่สินค้าที่มีการผลิตขั้นต่ำ 50% ภายในสหรัฐฯ
ปีนี้นับเป็นปีที่ 3 แล้วที่ทำเนียบขาวจัดงานแสดงสินค้า "Made in America" มีสินค้าระดับตำนานที่ผลิตในสหรัฐอเมริกามาร่วมแสดงในงาน อาทิ ไฟแช๊ค Zippo จากเพนซิลวาเนีย รถบ้าน Airstream จากโอไฮโอ มีดพับ Buck Knives จากไอดาโฮ ถุงมือเบสบอล Nokona จากเท็กซัส เป็นต้น นอกนั้นยังมีจักรยานยนต์ จักรยาน เรือยอชท์ รถบ้าน ไปจนถึงระบบขีปนาวุธ THAAD
“ปรัชญาการทำงานของรัฐบาลชุดนี้ง่ายมาก นั่นคือ อะไรที่เราสร้างได้ ปลูกได้ หรือผลิตได้ในสหรัฐอเมริกา เราก็จะทำสิ่งนั้น” ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวภายในงานที่มีผู้ประกอบการในประเทศจากทั้ง 50 มลรัฐฯของสหรัฐฯนำสินค้ามาร่วมแสดง
รายงานข่าวระบุว่า แม้ประธานาธิบดีสหรัฐฯจะพยายามผลักดันนโยบายส่งเสริมการผลิตสินค้าภายในประเทศมาตั้งแต่เริ่มแรกที่เข้ารับตำแหน่ง แต่ตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐฯก็ยังคงขยายเพิ่มมากขึ้น จนกระทั่งทำลายสถิติสูงสุดในรอบทศวรรษอีกครั้งในยุคของประธานาธิบดีทรัมป์ที่ระดับ 621,000 ล้านดอลลาร์ในปีที่ผ่านมา (2561)