12 กรกฏาคม 2562 จากกรณีที่ น.ส.กุลธิดา รุ่งเรืองเกียรติ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ อภิปรายหนุนใช้ “ภาษาท้องถิ่น” ในการอภิปรายในสภาฯ โดยอ้างว่า เรื่องภาษาเป็นสิทธิพื้นฐานในการแสดงออกของประชาชนตามหลักประชาธิปไตย และสะท้อนความหลากหลายทางอัตลักษณ์
ล่าสุด “วิมล ไทรนิ่มนวล” นักเขียนรางวัลซีไรต์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก หัวข้อ “วิถีชีวิตกับการแสดง” แสดงความคิดเห็นในเรื่องดังกล่าว มีเนื้อหาดังนี้
เมื่อคุณกุลธิดา รุ่งเรืองเกียรติ อยากให้ใช้ภาษาถิ่นในการอภิปรายในสภา รวมทั้งคนอื่นๆในพรรคอนาคตใหม่อยากให้แต่งตัวตาม “วิจารณญาณ” ด้วยเหตุผลว่า เพื่อเชิดชูและอนุรักษ์อัตลักษณ์ของท้องถิ่น ผมก็ขอทำความเข้าใจกับ ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ไว้ตรงนี้นิดหนึ่ง
ผมอยู่ในสาย “นิเวศปรมัตถ์” นิยมชมชื่นความหลากหลายอย่างที่โลกธรรมชาติมีและเป็นอยู่ ไม่นิยมพืชเดี่ยวและการเลี้ยงสัตว์เดี่ยว ในสังคมมนุษย์ก็เช่นกัน ผมนิยมความคิด-ลัทธิ-อุดมการณ์ที่หลากหลาย เพื่อว่าผมจะได้เลือกสรร-ประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับ “นิเวศวิทยาการเมือง” ในสังคมไทย (ไม่ใช่นำมาใช้ทั้งชุด เหมือนเอา “คอกแห่งความคิด-ลัทธิ-อุดมการณ์” นั้นขังตัวเอง และกดขี่-ครอบงำคนอื่นๆให้เข้าอยู่ในคอกเดียวกับตน)
ในทางวัฒนธรรมอย่างการแต่งกาย ภาษา รวมถึงขนบธรรมเนียม ประเพณี ผมก็นิยมจะให้มีอย่างหลากหลาย เพราะความหลากหลายคือชีวิตที่งอกงาม
แต่ในสถานที่หนึ่งๆ เราไม่อาจ “ยัดเยียด” เอาความหลากหลายเข้าไปไว้ได้ทั้งหมด อย่างเวทีดนตรีก็เหมาะสำหรับแสดงดนตรี โรงละครและโรงลิเกก็เช่นกัน ถ้าเราจะใช้เวทีเดียวกันก็ต้องจัดการองค์ประกอบของเวทีให้เหมาะแก่การแสดงประเภทนั้นๆ และต้องต่างเวลากัน
เราต้องจัดแสดงทีละประเภท ไม่ใช่แสดงพร้อมกัน
รัฐสภาก็เช่นกัน...ต้องดูว่าเรามีไว้ “แสดง” อะไร?
มีวัตถุประสงค์อะไร?
คำตอบก็คือมีไว้ “แสดงการอภิปราย” เรื่องกิจการงานของประเทศ ตั้งแต่การออกกฎหมายไปจนถึงการซักถามการทำงานของรัฐบาล ซึ่งทั้งหมดก็คือ “การแสดงความคิดเห็น” (ที่แตกต่างหลากหลาย) ดังนั้นการแสดงเรื่องการแต่งกาย – การแสดงเรื่องภาษาถิ่นจึงเป็นเรื่องรองๆ
แม้จะอ้างว่า เพื่อ “แสดงการอนุรักษ์และเชิดชูอัตลักษณ์ของท้องถิ่น” ที่หลากหลาย รวมทั้งแสดงความเป็นประชาธิปไตยนั้น ก็ไม่ใช่เหตุผลที่ “เป็นจริง”
ไม่เป็นจริงเพราะมันเป็นแค่ “การแสดง”
มันเป็นแค่การแสดงอย่างเดียวกับ “การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย” ได้จัดแสดงขนบธรรมเนียม ประเพณี และการเล่นต่างๆทุกจังหวัดอยู่ทุกปี
การแสดงย่อมไม่ใช่ “ของจริง” (เช่นเดียวกับการแสดงมหรสพต่างๆ กระทั่งละครทีวี ภาพยนตร์)
การแสดงไม่ใช่ “วิถีชีวิต”
ไม่ได้เป็นลมหายใจในชีวิตประจำวันของผู้คน
การดำเนินชีวิตตามปรกติของชาวบ้าน ไม่ว่าจะเป็นชนกลุ่มน้อยหรือชนกลุ่มใหญ่ แต่งกายแบบใด ใช้ภาษาไทยกลางหรือภาษาถิ่นของตน นั่นคือของจริง
ตราบใดที่พวกเขายังดำเนินชีวิตอยู่อย่างนั้น ย่อมเป็นการอนุรักษ์และเชิดชูอัตลักษณ์ของตนอยู่เองแล้ว
ดังนั้น พวกคุณที่อยากแสดงเรื่องการแต่งกายและภาษา ก็ไม่ต้องไปแย่งงานของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ซึ่งเขาทำได้ดีกว่าพวกคุณและทำมานานแล้ว
พวกคุณทำนั้นเหมือนจำอวดมากกว่า มันแค่ความสนุกของพวกคุณที่ได้โชว์และท้าทายสังคม โดยมีแรงจูงใจเรื่องการเมืองอยู่ภายใน
ไม่มีใครตำหนิคุณได้ ถ้าพวกคุณจะแต่งตัวที่หลากหลาย และใช้ภาษาถิ่นในชีวิตจริง
ส่วนเวทีรัฐสภานั้นมีไว้สำหรับแสดงความคิดเห็น เพื่อแก้และป้องกันปัญหาของประเทศ ซึ่งมากเสียจนชาติหน้าก็ทำไม่เสร็จ จึงอย่าเสียเวลากับเรื่องเหล่านี้มากนัก
ไม่เช่นนั้นมันจะเป็นแต่ประชาธิปไตยเฉพาะพวกคุณ ไม่ใช่ของคนทั้งประเทศ