‘มาบตาพุดเฟส3’เผือกร้อนรัฐบาลหน้า

14 ก.ค. 2562 | 00:05 น.
อัปเดตล่าสุด :14 ก.ค. 2562 | 07:16 น.

การประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ครั้งสุดท้ายรัฐบาลประยุทธ์ 1 ไม่มีการบรรจุวาระโครงการลงทุนท่าเรือมาบตาพุดระยะที่ 3 ในการประชุมครั้งนี้ หลังจากครม.เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2562 เคยตีกลับให้ไปปรับแก้ผลตอบแทนทางการเงินขั้นตํ่า จากเดิม 9,311 ล้านบาท เหลือ 6,721 ล้านบาท แลกกับที่รัฐไม่ต้องหาเงินลงทุนเอง ซึ่งผู้บริหารหน่วยงานเจ้าของโครงการเร่งดำเนินการ และจะส่งร่างสัญญากลับให้ครม.เห็นชอบ เพื่อให้สามารถร่วมลงนามสัญญาร่วมลงทุนกับเอกชนภายในเดือนกรกฎาคมนี้ เมื่อครม.นัดนี้ไม่มีวาระพิจารณา จึงเป็นวาระร้อนไปรอการพิจารณาของครม.ชุดใหม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการประชุมครม.วันที่ 9 กรกฎาคม 2562 ทั้งนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีคลัง และนางสาวจารุวรรณ เฮงตระกูล เลขาธิการคณะกรรมการ กฤษฎีกา ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ว่า การประชุมครม.วันนี้ไม่มีวาระโครงการลงทุนท่าเรือมาบตาพุด ระยะที่ 3 เข้ามาพิจารณาแต่อย่างใด

โครงการลงทุนท่าเรือมาบตาพุด ระยะ 3 นี้ เป็นที่จับตาโดยตลอด นับแต่วันเปิดให้เอกชนยื่นซองประมูลเพื่อร่วมลงทุนกับรัฐ โดยมีเพียงกลุ่มกิจการร่วมค้ากัลฟ์และพีทีที แทงค์ ยื่นเสนอโครงการดังกล่าวเพียงรายเดียว จนเป็นที่วิจารณ์ว่าผิดเงื่อนไขหรือไม่ ในที่สุดภาครัฐให้เดินหน้าต่อและเปิดเจรจา ฝ่ายเอกชนเสนอขอแก้ไขหลักการดังกล่าว ทางคณะกรรมการคัดเลือกฯ ได้มีการเจรจาต่อรองมาเป็นระยะ ๆ จนได้ข้อยุติดังกล่าว

 

ที่ประชุมครม.เห็นชอบให้เปลี่ยนแปลงจำนวนเงินร่วมลงทุนของรัฐ หักค่าสิทธิการร่วมลงทุนจากเอกชนสุทธิ 710 ล้านบาทต่อปี เป็นระยะเวลา 30 ปี รวมทั้งเปลี่ยนแปลงผลตอบแทนทางการเงินขั้นตํ่าของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) จากการร่วมลงทุนกับเอกชนช่วงที่ 1 และช่วงที่ 2 รวมเท่ากับมูลค่าปัจจุบันสุทธิประมาณ 6,721 ล้านบาท (อัตราคิดลด 6.48%) ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) เสนอ

การปรับปรุงหลักการดังกล่าว ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนทางการเงิน (FIRR) ของกนอ.ลดลงเหลือ 9.21% จาก 11.80% และมูลค่าปัจจุบันของผลประโยชน์สุทธิของโครงการ(NPV) ของกนอ.จากการร่วมลงทุนกับเอกชนช่วงที่ 1 (อัตราคิดลด 6.48%) จากเดิม 2,729 ล้านบาท เหลือ 139 ล้านบาท ขณะที่มูลค่าปัจจุบันของผลประโยชน์สุทธิของโครงการ(NPV) ของกนอ.จากการร่วมลงทุนกับเอกชนในช่วงที่ 2  (อัตราคิดลด 6.48%) ยังเท่าเดิมที่ 6,582 ล้านบาท เมื่อรวมมูลค่าปัจจุบันของผลประโยชน์สุทธิของโครงการ(NPV) ของกนอ.จากการร่วมลงทุนกับเอกชนทั้ง 2 ช่วง จะลดลงจาก 9,311 ล้านบาท เหลือ 6,721 ล้านบาทหรือลดลงไป 2,590 ล้านบาท และส่งผลให้อัตราผลตอบแทนทางการเงินของเอกชนเพิ่มขึ้นเป็น 10.73% จากเดิม 10.06% และมูลค่าปัจจุบันของผลประโยชน์ตอบแทนสุทธิของโครงการ (NPV) ของเอกชน (อัตราคิดลด 7.47%) เพิ่มขึ้นเป็น 14,298 ล้านบาท จากเดิม 12,981 ล้านบาท

นางสาวสมจิณณ์ พิลึก ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กล่าวว่า ยังยืนยันว่าการเจรจาต่อรองกับภาคเอกชน ไม่ได้ทำให้กนอ.เสียเปรียบ จากการปรับปรุงหลักการโครงการ เพราะแทนที่แต่เดิมรัฐจะเป็นผู้ลงทุนเอง 1.29 หมื่นล้านบาท ในการถมทะเล แต่เมื่อเอกชนเสนอมาลงทุนเองทั้งหมด โดยรับภาระดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นจริง และให้รัฐทยอยจ่ายเป็นเวลา 30 ปี เมื่อเทียบกับโครงการอื่นรัฐจะทยอยจ่ายเพียง 10 ปี จึงถือว่ามีความคุ้มค่า แม้มูลค่าปัจจุบันของผลประโยชน์สุทธิของโครงการจะลดลงเหลือ 6,721 ล้านบาทจากเดิม 9,311 ล้านบาท แต่ถือว่ามีข้อดีที่กนอ.ไม่ต้องไปจัดหาแหล่งเงินกู้หรือต้องแบกรับภาระดอกเบี้ยที่เกิดขึ้น 

หน้า 2 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,486 วันที่ 11 - 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

‘มาบตาพุดเฟส3’เผือกร้อนรัฐบาลหน้า