“สมคิด” โต้ เวิล์ดแบงก์ อย่ากังวลการเมืองเกินเหตุ

10 ก.ค. 2562 | 11:26 น.

Thansettakij เว็บไซต์ข่าวฐานเศรษฐกิจ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหาริมทรัพย์ การเงิน การลงทุน การตลาด เศรษฐกิจ เทคโนโลยี Breaking News อัพเดตข่าวล่าสุดที่นี่

สมคิดโต้เวิล์ดแบงก์อย่ากังวลปัญหาการเมืองเกินไป เชื่อพรรคร่วมรัฐบาลพร้อมร่วมกันทำงานเพื่อบ้านเมือง ยันนายกคนเดิม นโยบายย่อมไม่เปลี่ยนแปลง เร่งสร้างความเชื่อมั่นนักลงทุน พอใจจีดีพีโตเกิน 3% เหตุเศรษฐกิจโลกชะลอ-สงครามการค้า กระทบไทย 2 เด้ง 

               นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวในงาน “Money & Banking AWARDS 2019ว่า กรณีที่ธนาคารโลก (Worldbank) ได้แสดงความเป็นห่วงปัจจัยความไม่แน่นอนทางการเมือง หรือเรื่องเสถียรภาพของรัฐบาล โดยเฉพาะเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลแบบผสม หรือการจัดตั้งพรรคร่วม เนื่องจากที่ผ่านมาไทยมีความคุ้นเคยกับการมีพรรคร่วมรัฐบาล เพียงแต่ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมาไม่ได้มีพรรคร่วมเท่านั้น อย่างไรก็ดี ขออย่ากังวลเกินเหตุว่าพรรคร่วมจะทำงานร่วมกันไม่ได้ ซึ่งภายหลังจากมีคณะรัฐมนตรี (ครม.) ออกมาทุกอย่างก็พร้อมเดินหน้า

“สมคิด” โต้ เวิล์ดแบงก์ อย่ากังวลการเมืองเกินเหตุ

               ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรียังเป็นคนเดิม นโยบายจะเปลี่ยนแปลงได้อย่างไร โดยเฉพาะโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ซึ่งเป็นสิ่งที่เปลี่ยนไม่ได้ เพราะเป็นเครื่องหมายการค้า (Trademark) ไปแล้ว ซึ่งในเมื่อมีเครื่องหมายการค้าที่ดีก็อย่าไปทำลาย หรือกังวลมากเกินไป เพราะทุกคนต้องมองไปข้างหน้า ต้องช่วยกันกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะถ้ามีความมั่นใจและเชื่อมั่นก็จะสามารถฝ่ามรสุมเศรษฐกิจโลกไปได้

อย่ากังวลมากเกินไป เพราะกังวลไปก็ไม่มีประโยชน์ โดยเราจะต้องประคองตัวเองให้ได้ ซึ่งเศรษฐกิจที่มองว่าจะขยายตัวได้ในระดับ 3.5% ในภาวะเศรษฐกิจโลกที่เป็นแบบนี้ หากจีดีพีขยายตัวได้เกิน 3% ผมถือว่าใช้ได้แล้ว เพราะถ้าไทยไม่ดีนักลงทุนจะเข้ามาทำไม ดังนั้น ของให้มั่นใจในตัวเอง มั่นใจในนายก เพราะนายกคนเดิม นโยบายจะเปลี่ยนแปลงอย่างอีอีซีได้อย่างไร เพราะถ้าไปทำลาย ไม่โง่ก็บ้าแล้ว และปกติรัฐบาลไม่มีพรรคอยู่แล้วมีแต่พวก ผมก็ไม่มีพรรค มีแต่พวกที่ทำทุกอย่างเพื่อบ้านเมือง

“สมคิด” โต้ เวิล์ดแบงก์ อย่ากังวลการเมืองเกินเหตุ

               ทั้งนี้ จะเห็นว่านายกรัฐมนตรีได้สั่งการเตรียมร่างนโยบายต่างๆ เพื่อนำไปแถลงต่อรัฐบาล โดยทุกฝ่ายต้องทำงานร่วมกัน เช่น สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ (SFIs) ที่จะต้องช่วยเหลือฐานรากโดยนโยบายจะดูความเหมาะสมว่าทำได้แค่ไหน ไม่ใช่เอาแต่กระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเดียว เพราะปัจจุบันเศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบ 2 เด้ง ทั้งจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนที่เข้ามากระทบต่อการส่งออกของไทย และการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นทั่วโลกไม่ใช่เฉพาะไทย ดังนั้น สิ่งสำคัญไทยจะต้องดูแลตัวเอง และเรียกความเชื่อมั่นนักลงทุนต่างชาติกลับมาให้ได้

ขณะที่สถานการณ์ค่าเงินบาทที่ปรับตัวแข็งค่านั้น มองว่า การดูแลค่าเงินนั้นเป็นหน้าที่ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่จะต้องติดตามดูแล โดยในช่วงที่ผ่านมาได้ฝากให้ ธปท.ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะเงินทุนที่ไหลเข้ามาในช่วงสั้นๆ แต่อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า การเมืองไม่ได้หวังเข้าไปแทรกแซงการทำงาน

“สมคิด” โต้ เวิล์ดแบงก์ อย่ากังวลการเมืองเกินเหตุ