เดอะเฟสชอปสปีดยอด500ล้าน ซุ่มหาแบรนด์แอมบาสซาเดอร์คนไทย/เพิ่มสินค้าใหม่ทำตลาด

28 มี.ค. 2559 | 06:00 น.
เดอะเฟสชอป เดินหน้าขยายสาขาคาดจบปีทำได้ 75 แห่ง เร็วกว่าแผนเดิมที่วางไว้ พร้อมกับปรับโฉมอีก 10 แห่งให้ทันสมัย คาดครึ่งปีหลังเปิดตัวแบรนด์แอมบาสซาเดอร์คนไทย และเตรียมสินค้าใหม่ 3 รายการทำตลาด กระตุ้นยอดขายปีนี้ทะลุ 500 ล้าน มั่นใจสินค้าเกาหลีคนไทยยังชื่นชอบ

นายมหิธร พงษารัตน์ กรรมการบริหาร บริษัท ทีเอฟเอส (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้ได้รับสิทธิ์บริหารเครื่องสำอางแบรนด์ เดอะเฟสชอป (THEFACESHOP) จากประเทศเกาหลี เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจในปีนี้ว่า ยังคงเดินหน้าขยายสาขาอย่างต่อเนื่องและคาดว่าจะขยายสาขาได้เร็วกว่าแผนเดิมที่วางไว้ ในปีนี้น่าจะขยายสาขาครบ 75 แห่ง โดยใช้งบประมาณในการขยายสาขาประมาณ 5 ล้านบาทต่อสาขา ซึ่งจะเน้นทำเลในต่างจังหวัด ทั้งห้างโมเดิร์นเทรด์และซุปเปอร์สโตร์ นอกจากนี้ ยังเตรียมปรับปรุงสาขาเดิมอีก 10 แห่ง ด้วยงบประมาณสาขาละ 2 ล้านบาทด้วย

ขณะที่แผนการใช้ศิลปินคนไทย มาเป็นแบรนด์แอมบาสเตอร์เพื่อทำตลาด คาดว่าจะสรุปได้เร็วๆ นี้ เนื่องจากรอให้บริษัทที่ประเทศเกาหลีใต้เป็นผู้อนุมัติก่อน โดยคาดว่าภายในครึ่งปีหลังน่าจะเปิดตัวแบรด์แอมบาสเดอร์คนไทยได้ ซึ่งแนวคิดการใช้ศิลปินคนไทยแทนศิลปินเกาหลี เนื่องจากต้องการนำแบรนด์แอมบาสเดอร์มาทำการตลาดได้ใกล้ชิดกับกลุ่มลูกค้าคนไทย เพราะศิลปินคนไทยอยู่ภายในประเทศมีความคล่องตัวกว่าศิลปินจากประเทศเกาหลีใต้ ที่จะต้องเดินทางเข้ามา ประกอบกับศิลปินเกาหลีใต้มักจะไม่มีคิวว่างเดินทางเข้ามาในประเทศไทย

อย่างไรก็ตาม บริษัทแม่ที่ประเทศเกาหลีใต้ยังคงใช้ศิลปินเกาหลี เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์หลัก ซึ่งบริษัทได้พยายามทำแคมเปญการตลาด เพื่อให้กลุ่มลูกค้าคนไทยที่ชื่นชอบศิลปินเกาหลีใต้ได้เข้าร่วม เช่น การจัดพาทัวร์และพบปะกับศิลปินของประเทศเกาหลีใต้ด้วย ซึ่งปัจจุบันบริษัทได้อยู่ระหว่างการพัฒนาระบบไอที เพื่อนำมาใช้ในการบริหารลูกค้าสัมพันธ์ หรือ CRM เพื่อให้สิทธิประโยชน์กับลูกค้าได้มากขึ้น และมีประสิทธิภาพมากขึ้นซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จสมบูรณ์พร้อมใช้งานในอีก 2-3 เดือน ปัจจุบันบริษัทมีฐานสมาชิกกว่า 1 แสนราย และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 1.5 แสนรายในปีนี้

นายมหิธร กล่าวอีกว่า บริษัทวางแผนเปิดตัวสินค้า 3 รายการ เป็นกลุ่มสกินแคร์ เซรั่ม และไวท์เทนนิ่ง เพื่อทำตลาดอย่างต่อเนื่องด้วย โดยปัจจุบันสัดส่วนยอดขายหลัก 65% ยังเป็นผลิตภัณฑ์เมคอัพ ส่วนอีก 35% เป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์สกินแคร์ ในอนาคตบริษัทต้องการเพิ่มสัดส่วนให้สินค้าทั้งสองกลุ่มมีสัดส่วนที่เท่ากัน โดยคาดว่ายอดขายในปีนี้น่าจะทำได้ 500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่ามาทำยอดขายได้ 300 ล้านบาท

สำหรับภาพรวมตลาดผลิตภัณฑ์ความงามจากประเทศเกาหลีใต้ คาดว่าจะมีมูลค่ารวม 4-5 พันล้านบาท ซึ่งยังมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และยังเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมจากกลุ่มผู้บริโภคคนไทย รวมถึงศิลปินเกาหลีใต้ยังเป็นที่ชื่นชอบจากคนไทยด้วยเช่นกัน ส่งผลให้สินค้าความงามได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคคนไทยด้วยเช่นกัน เห็นได้จากช่วงที่ผ่านมามีแบรนด์สินค้าที่นำศิลปินเข้ามาพบแฟนคลับ ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่อง

"กระแสเกาหลียังไม่ตกยังเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งสินค้าเครื่องสำอางและสกินแคร์จากเกาหลี มักจะผูกการทำตลาดในรูปแบบของมาร์เก็ตติ้ง เอนเตอร์เทนเมนท์ ที่มีศิลปินดารานักร้องมาช่วยสร้างแบรนด์และทำตลาด ซึ่งทิศทางตลาดปีนี้อาจจะเติบโตแต่ไม่หวือหวา เพราะคนส่วนใหญ่ยังระมัดระวังการใช้จ่าย ซึ่งผู้ประกอบการจะเน้นการจัดกิจกรรมการตลาด เพื่อรักษาฐานลูกค้าของตนเองไว้ ปัจจุบันตลาดรวมเครื่องสำอางมีมูลค่ากว่า 6-7 หมื่นล้านบาทยังเติบโตได้ตามการทำกิจกรรมการตลาดของผู้ประกอบการแต่ละแบรนด์"

สำหรับทิศทางการทำตลาดของผู้ประกอบการ จะมุ่งเน้นการสร้างความคุ่มค่าในการใช้จ่าย เช่น การซื้อสินค้าแถมชุดรีฟิว และนวัตกรรมสินค้าที่ใช้งานได้คุ้มค่า เป็นต้น ซึ่งบริษัทจะมุ่งเน้นในทิศทางดังกล่าวด้วยเช่นกัน พร้อมกับการวางจำหน่ายราคาสินค้าให้ใกล้เคียงกับประเทศเกาหลีใต้ เนื่องจากป้องกันการซื้อสินค้าเข้ามาขาย ขณะที่บางช่วงที่บริษัทจัดโปรโมชั่นพิเศษ ราคาสินค้าบางรายการที่จำหน่ายจะมีราคาถูกกว่าในประเทศเกาหลีใต้ด้วย

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,143 วันที่ 25 - 30 มีนาคม พ.ศ. 2559