เมเจอร์เดินหน้าขยายโรงหนัง หวังปูพรม100แห่งในอาเซียน

29 มี.ค. 2559 | 06:00 น.
เมเจอร์ เดินหน้าขยายโรงภาพยนตร์ให้ครบ 700 โรงภายในสิ้นปี พร้อมบุกตลาดซีแอลเอ็มวี หวังเพิ่มโรงให้ครบ 100 โรงภายในปี 2563 ช่วยกระตุ้นตลาดหนังไทย 6 พันล้านเติบโต

[caption id="attachment_40804" align="aligncenter" width="360"] วิชา พูลวรลักษณ์  ประธานกรรมการบริหาร  บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) วิชา พูลวรลักษณ์
ประธานกรรมการบริหาร
บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน)[/caption]

นายวิชา พูลวรลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ได้วางแผนขยายสาขาโรงภาพยนตร์ในปีนี้ให้ครบ 700 โรง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ จากปัจจุบันมี 606 โรง ซึ่งในต่างประเทศจะขยายสาขาที่สปป.ลาว เพิ่มอีก 1 แห่ง แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยสถานที่ตั้งได้ โดยการก่อสร้างครั้งนี้จะร่วมกับพาร์ตเนอร์รายเดิม คาดว่าใช้งบประมาณใกล้เคียงกับครั้งที่ผ่านมา ซึ่งในสิ้นปีนี้จะเห็นความชัดเจนของโครงการดังกล่าวมากขึ้น

ขณะที่การลงทุนประเทศกัมพูชาได้ร่วมมือกับอิออน มอลล์ ขยายโรงภาพยนตร์แห่งที่ 2 ในปงค์เปีย ที่คาดว่าโครงการดังกล่าวจะแล้วเสร็จในปี 2561 ซึ่งวางงบลงทุนโครงการดังกล่าวกว่า 200 ล้านบาท ประกอบด้วยโรงภาพยนตร์จำนวน 10 โรง และลานโบว์ลิ่งประมาณ 20 เลน ทั้งนี้จากการขยายโรงภาพยนตร์เพิ่มเนื่องจากบริษัทเล็งเห็นโอกาสการเติบโตของตลาดเอเชีย โดยเฉพาะกลุ่มในประเทศอาเซียน อาทิ เวียดนาม และอินโดนีเซีย รวมถึงประเทศจีน ขณะเดียวกันบริษัทยังเปิดกว้างสำหรับการลงทุนในประเทศต่างของภูมิอาเซียน

"บริษัทวางแผนเดินหน้าลงทุนขยายตลาดโรงภาพยนตร์ในกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวี ให้เติบโตต่อเนื่อง 100 โรงในปี 2563 และเห็นว่าปัจจุบันพฤติกรรมผู้ชมในภูมิภาคนี้ส่วนใหญ่ ชื่นชอบการชมคอนเทนต์จากประเทศไทย ที่ผ่านมาได้ทดลองนำภาพยนตร์ไทยเข้าไปฉายในกลุ่มประเทศดังกล่าว ซึ่งได้รับกระแสตอบรับที่ดี เช่น ประเทศกัมพูชา สามารถขายตั๋วได้กว่า 1 ล้านใบต่อปี จึงขยายโรงภาพยนตร์ต่อเนื่องเพื่อช่วยผลักตลาดภาพยนตร์ไทยให้มีรายได้มากขึ้น จากปัจจุบันมีมูลค่าตลาด 6 พันล้านบาท แบ่งเป็นภาพยนตร์ไทย 40% และภาพยนตร์ต่างประเทศ 60% โดยสิ้นปีนี้บริษัทคาดว่าสัดส่วนของภาพยนตร์ไทยจะเพิ่มเป็น 50%"

สำหรับการขยายสาขาในประเทศ จะเน้นตลาดในตลาดต่างจังหวัดมากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาได้ขยายโรงภาพยนตร์ไปแล้วที่จังหวัดลพบุรี และพิจิตร ขณะที่แนวโน้มอุตสาหกรรมปีนี้จะดีขึ้นต่อเนื่องโดยสาเหตุหลักมาจากการขยายสาขา และปัจจัยดังกล่าวจะส่งผลให้ภาพรวมรายได้ทั้งกลุ่มของบริษัทสิ้นปีนี้เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% ปัจจุบันรายได้แบ่งออกเป็นค่าตั๋ว 70% และค่าขนมเครื่องดื่ม 30% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดิมที่มีสัดส่วนค่าเครื่องดื่มเพียง 10% เท่านั้น

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,143 วันที่ 25 - 30 มีนาคม พ.ศ. 2559