เทรดวอร์พักยกไม่ช่วยเอกชนแห่ลดเป้าส่งออก

05 ก.ค. 2562 | 05:20 น.

เอกชนชี้ทรัมป์-สี กดปุ่ม “หยุด”สงครามการค้าชั่วคราว ไทยมีได้-เสีย ลุ้นส่งออกไปสหรัฐฯได้เพิ่ม ขณะบาทแข็งฉุดขีดแข่งขันทรุดหนัก แห่ปรับลดส่งออกเหลือ 0% ถึงติดลบ ฟันธงทรัมป์ยังไม่ขึ้นภาษีจีนล็อตใหม่ 3 แสนล้านดอลล์จนกว่าจะชนะเลือกตั้งปีหน้า

บรรยากาศการค้าการลงทุนของโลกได้เริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้งหลังการเจรจานอกรอบระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนในช่วงการประชุมกลุ่ม G20 เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2562 ได้ตกลงที่จะระงับสงครามการค้าเป็นการชั่วคราว หมายถึงคำขู่ของสหรัฐฯที่จะขึ้นภาษีสินค้าจีนรอบใหม่อีก 3.25 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯจะถูกชะลอออกไปอย่างไม่มีกำหนด ซึ่งในส่วนของไทยจะมีส่วนได้-เสียต่อสถานการณ์นี้เช่นกัน

นายบัณฑูร วงศ์สีลโชติ รองประธานคณะกรรมการเจรจาการค้าระหว่างประเทศ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า การระงับสงครามการค้า “ชั่วคราว”ในครั้งนี้เศรษฐกิจโลกยังตั้งอยู่บนความเสี่ยงเช่นเดิม เพียงแต่ไม่แย่ลงไปกว่าเดิม การระงับศึกครั้งนี้สาระสำคัญคือให้หัวเว่ยสามารถซื้ออุปกรณ์จากบริษัทสหรัฐฯได้ แลกกับการที่จีนต้องซื้อสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯเพิ่ม รวมถึงเปิดช่องเจรจากันในหลายประเด็นที่ยังตกลงกันไม่ได้

เทรดวอร์พักยกไม่ช่วยเอกชนแห่ลดเป้าส่งออก

“ช่วงนี้เชื่อว่าการสั่งซื้อสินค้าของผู้นำเข้าสหรัฐฯจากไทยเพื่อทดแทนสินค้าจีนมีโอกาสเพิ่มขึ้นอีกทั้งการตัดสิทธิจีเอสพี สินค้าจากอินเดียของสหรัฐฯจะทำให้ไทยส่งออกสินค้าไปสหรัฐฯทดแทนอินเดียได้เพิ่มขึ้นในช่วงเดือนที่เหลือของปีนี้ แต่ผู้ที่จะได้รับอานิสงส์ส่งออกไปสหรัฐฯมากกว่าไทยคือเวียดนาม ที่มีการลงทุนของต่างชาติมากกว่าไทย และยังได้เปรียบค่าเงินด่องอ่อนค่า ต้นทุนการผลิตก็ถูกกว่า”

 

เทรดวอร์พักยกไม่ช่วยเอกชนแห่ลดเป้าส่งออก

นางสาวกัณญภัค ตันติพิพัฒน์พงศ์ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) หรือสภาผู้ส่งออก กล่าวว่า การระงับสงครามการค้าชั่วคราวคาดจะทำให้ผู้นำเข้าสหรัฐฯมีการนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มขึ้น เนื่องจากไม่ต้องพะวงผู้นำจะสั่งขึ้นภาษีสินค้าจีนในล็อตใหม่ ไทยจะได้อานิสงส์ส่งสินค้าวัตถุดิบ และกึ่งสำเร็จรูปที่ไทยเป็นซัพพลายเชนให้จีนเพื่อผลิตสินค้าสำเร็จรูปส่งออกไปสหรัฐฯเพิ่มขึ้น รวมถึงส่งออกสินค้าไปสหรัฐฯทดแทนสินค้าจีนที่ถูกขึ้นภาษีได้มากขึ้น แต่จากเงินบาทแข็งค่ามากอยู่ที่ระดับ30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯในปัจจุบันจะกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของสินค้าไทย จากราคาสูงกว่าคู่แข่งและขายยากขึ้น ขณะที่สงครามการค้าสหรัฐฯ-จีนยังอยู่บนความไม่แน่นอนสูงว่าจะเกิดอะไรขึ้น เพราะทุกอย่างขึ้นอยู่กับทรัมป์เพียงผู้เดียว

“ล่าสุดทาง สรท.ได้ปรับลดคาดการณ์ส่งออกในปี 2562 จากเดิมเมื่อเดือนมิถุนายนคาดจะโตได้ 1% เป็นติดลบ 1% ผลกระทบจากสงครามการค้าทำให้เศรษฐกิจ การค้าโลกชะลอตัว เงินบาทแข็งค่ามากสุดรอบ 6 ปี และสถานการณ์การเมืองในประเทศที่ยังไม่มีการจัดตั้งรัฐบาลมาขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจ”

เทรดวอร์พักยกไม่ช่วยเอกชนแห่ลดเป้าส่งออก

ด้านนายสมภพ มานะรังสรรค์ อธิการบดีสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ กล่าวว่า สงครามการค้า(เทรดวอร์) และสงครามเทคโนโลยี(เทควอร์) สหรัฐฯ-จีนที่พักรบ และเปิดช่องเจรจาแบบไม่มีกำหนดระยะเวลา จากนี้คงต้องจับตาสถานการณ์ข้างหน้าจะพลิกผันไปอย่างไร อย่างไรก็ดีผลงานของทรัมป์ในรอบนี้ ทั้งการสร้างข่าวดีระงับสงครามการค้าชั่วคราวกับจีน การพบกับคิม จองอึน ผู้นำของเกาหลีเหนือในเขตปลอดทหารคาดจะมีส่วนช่วยสร้างคะแนนนิยมให้ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งอีกครั้งในปีหน้า 

อนึ่ง หลายหน่วยงานของไทยได้ปรับลดการส่งออกปี 2562 ของไทยลง อาทิ กระทรวงพาณิชย์ ปรับลดเป้าหมายการส่งออกลงจาก 8% เหลือ 3%, สรท. จาก 1% เป็น -1%, ธนาคารแห่งประเทศไทย จาก 3% เหลือ 0%, ธนาคารไทยพาณิชย์จาก 2.7% เหลือ 0.6% เป็นต้น ปัจจัยหลักจากสงครามการค้า และเงินบาทที่แข็งค่ามาก 

หน้า 2 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3484 วันที่ 4-6 กรกฎาคม 2562

เทรดวอร์พักยกไม่ช่วยเอกชนแห่ลดเป้าส่งออก