5 ก.ค.ไฟลุกแน่! ‘พาณิชย์-พื้นบ้าน’ 2 ปมร้อนประมงเขย่ารัฐบาล
วิกฤติปลาทูหายไปไหน ลามกระทบความสัมพันธ์ 2 ประมง “พาณิชย์-พื้นบ้าน” ฝ่าคลื่นมรสุมยักษ์เขย่ารัฐบาลจะขับเคลื่อนนโยบายไปทิศทางไหน ด้านสมาคมประมงก้นร้อน นั่งไม่ติดผวา ม.57 พ.ร.ก.ประมงฯ พ่นพิษ โดนจับเจ๊ง ถึงขั้นต้องเลิกอาชีพ เสี่ยงปีหน้าวืดใบอนุญาต เรียกประชุมด่วน 5 ก.ค.นี้นัดกลางใจกรุง
นายมงคล สุขเจริญคณา ประธานสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่าได้ทำหนังสือถึงนายกสมาคมประมง 22 จังหวัด ขอให้ช่วยออกข่าวชี้แจงปัญหาที่ภาครัฐจะออกประกาศตามมาตรา 57 พระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 ด้วยว่าจะส่งกระทบที่ค่อนข้างรุนแรงกับชาวประมงพาณิชย์ ทั้งหมดเพราะไม่สามารถปฎิบัติได้ รวมทั้งโทษเป็นโทษที่รุนแรงตามมาตรา 114(8) ปรับ ตั้งแต่ 1 แสนบาทถึง 30 ล้านบาท
ตามมาตรา139 ถูกมาตราการทางปกครองสั่งยึดสัตว์น้ำและเพิกถอนใบอนุญาตตามมาตรา113 และอาจจะถูกยึดเรือตามมาตรา169 และจะทำให้ขอใบอนุญาตประมงพาณิชย์ กับเรือประมงลำอื่นๆไม่ได้อีกด้วยตามมาตรา39 จึงเห็นว่าหากมีการประกาศออกมาจะทำให้ชาวประมงไม่สามารถปฏิบัติได้ก็จะทำให้ชาวประมงต้องจอดเรือกันทั้งประเทศอย่างแน่นอน
"เอ็นจีโอพยายามกล่าวหา โจมตีประมงพาณิชย์ไม่ยอม ช่วยเรื่องการฟื้นฟู ปลาทู โดยกล่าวหาว่าประมงพาณิชย์ไม่ให้ความร่วมมือในประเด็นเกี่ยวกับเรื่องปลาทูเล็กขอให้ชี้แจงปัญหาที่ทำให้ปลาทูจะสูญพันธุ์เกิด จากการใช้เครื่องมือ ที่จับพ่อแม่พันธุ์ ที่ยังไม่ได้วางไข่ ไปก่อนที่ปลาทูจะเข้าวางไข่ กลุ่มในเขต ฤดูการปิดอ่าวและในเขตอนุรักษ์ต่างๆ ที่ยังอนุญาตให้เครื่องมือที่สามารถจับพ่อแม่พันธุ์ ทำการประมงได้ ทำให้เป็นการตัดวงจรชีวิตปลาทูอย่างรุนแรงโดยตรง ทำให้ปลาทูไม่มีโอกาส ขยายพันธ์จนทำให้มีโอกาสสูญพันธุ์ได้"
รวมทั้งมีการต่อเรือประมงใหม่ๆออกมาเป็นจำนวนมากทำให้ทรัพยากรที่อยู่ตามแนวชายฝั่งถูกจับไปก่อนที่จะวางไข่ โดยเฉพาะพ่อแม่พันธุ์ปลาทูในทุกพื้นที่ ในเขตอนุรักษ์ในเขตปิดอ่าวฤดูปลาวางไข่ทั้งหมด อีกด้านหนึ่งการที่กรมประมงอนุญาตให้ "เครื่องมืออวนจม" ที่จับพ่อแม่พันธุ์ ที่จับได้ในช่วงปิดอ่าวฤดูปลาทูวางไข่และในเขตอนุรักษ์เป็นต้นเหตุของปัญหาที่ทำให้ปลาทู สูญพันธุ์
