สรท.ลดเป้าส่งออกทั้งปีขยายตัว-1%

02 ก.ค. 2562 | 07:12 น.

 สรท.ลดเป้าส่งออกลงอีกรอบ คาดปีนี้ติดลบ 1 % โอดการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ล่าช้า ทำให้การแก้ไขปัญหาเงินบาทแข็งค่าเคว้ง ซ้ำเติมผู้ส่งออกไทยอ่วมหนักอยู่แล้วจากพิษสงครามการค้า

นางสาวกัณญภัค ตันติพิพัฒนพงศ์ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย(สรท.) หรือสภาผู้ส่งออก เผยว่า จากการส่งออกเดือนพฤษภาคม 2562 มีมูลค่า 2.1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลงถึง 5.8 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตัวเลขที่หดตัวลงดังกล่าวทำให้ สรท.ต้องปรับลดเป้าหมายการเติบโตของการส่งออกของไทยทั้งปี 2562 ลงอีกครั้ง หลังจากเมื่อเดือนที่แล้ว(มิ.ย.)ทาง สรท.เพิ่งประกาศปรับลดคาดการณ์ส่งออกของไทยลงเหลือ 1 % โดยมองว่าโอกาสที่การส่งออกจะขยายตัวนั้นค่อนข้างยาก ขณะที่โอกาสหดตัวมีมากกว่า ทั้งนี้ สรท. ได้ปรับลดคาดการณ์การส่งออกใหม่อีกครั้ง โดยคาดทั้งปีนี้จะติดลบที่ 1% ซึ่งเป็นไปทิศทางเดียวกับธนาคารแห่งประเทศไทยที่มองว่าการส่งออกไทยจะขยายตัว 0 %ในปีนี้

สรท.ลดเป้าส่งออกทั้งปีขยายตัว-1%

สำหรับสาเหตุหลักที่ สรท. มองว่าการส่งออกไทยปีนี้จะติดลบ 1%  มาจากผลกระทบจากสงครามการค้า ซึ่งล่าสุดแม้จะมีข่าวดีจากการที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯจะยังไม่ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนรอบใหม่ (3.25 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) แต่ข่าวดีดังกล่าวกลับมากดดันให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างมาก ในขณะที่ไทยยังไม่มีการจัดตั้งรัฐบาล ดังนั้นจึงยังไม่มีมาตรการแก้ไขปัญหาใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะทุกหน่วยงานต่างรอนโยบายจากรัฐบาลใหม่ โดยความผันผวนของค่าเงินบาท ซึ่งแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงที่ผ่านมา ไม่สอดคล้องกันสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบัน อีกทั้งยังมีความไม่ชัดเจนในการดำเนินนโยบายเพื่อจัดการอัตราแลกเปลี่ยนของธนาคารแห่งประเทศไทยและภาครัฐ

นอกจากนี้ยังมีแรงหนุนจากปัจจัยภายนอก ทั้งธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) และธนาคารกลางยุโรป ส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ส่งผลทำให้เงินสกุลดอลลาร์อ่อนค่าลง สะท้อนมายังค่าเงินบาทแข็งค่าทำให้ความสามารถในการแข่งขันด้านราคาของไทยลดลง ขณะที่สงครามการค้าก็ส่งผลกระทบต่อประเทศคู่ค้าที่สำคัญของไทย โดยเฉพาะตลาดจีนที่เป็นห่วงโซ่การผลิต(ซัพพลายเชน)ที่นำเข้าสินค้าหลายรายการของไทยไปผลิต หรือส่งออกต่อ ได้ปรับลดการนำเข้าอย่างเห็นได้ชัด เช่น สินค้ากลุ่มอิเล็กทรอนิกส์และอุปกรณ์ แผงวงจรไฟฟ้า สินค้าเกษตรข้าว มันสำปะหลังและยางพารา ส่งผลให้การส่งออกไทยไปจีนเดือนพฤษภาคม 2562 ติดลบ 7.2% ขณะที่ยอดสะสม 5 เดือนติดลบที่ 7.9%

สรท.ลดเป้าส่งออกทั้งปีขยายตัว-1%

 

"เอกชนขอให้ภาครัฐได้กำกับดูแลค่าเงินบาทให้มีเสถียรภาพ ไม่ให้แข็งค่าสูงกว่าคู่ค้าและคู่แข่งที่สำคัญ โดยการใช้มาตรการปกป้องค่าเงินบาท  และขอให้เร่งจัดตั้งรัฐบาลที่มีเสถียรภาพทางการเมืองโดยเร็ว เพื่อเร่งสนับสนุนภาคการค้าระหว่างประเทศให้ขยายตัวเพิ่มขึ้นในเดือนที่เหลือของปีนี้"