ตลาดอสังหาฯQ2ปี59รุ่ง เอกชนยกนิ้วแรงกระตุ้นจาก ‘บ้านประชารัฐ’
เอกชนเห็นพ้องโครงการบ้านประชารัฐ ช่วยกระตุ้นตลาดอสังหาฯไตรมาส 2/59 คึก บรรดาดีเวลอปเปอร์เร่งขนสต๊อกร่วมชิงแชร์ เล็งหากกระแสดีเตรียมพร้อมเดินหน้าพัฒนาโครงการต่อเนื่อง 2 บิ๊กอสังหาฯ ยกขบวนสินค้าร่วมโครงการมูลค่ารวมเฉียด 1 หมื่นล้าน แอล.พี.เอ็น คาดรายได้ครึ่งปีโต 100% พฤกษา แย้มหากสินค้ากลุ่มทาวน์เฮาส์ขายดีมีแผนสร้างเพิ่มแน่นอนอย่างน้อย 1,000 หลังต่อเดือน ออริจิ้น เผยมีลูกค้าให้ความสนใจสอบถามอย่างต่อเนื่อง
[caption id="attachment_40777" align="aligncenter" width="700"]
ส่วนหนึ่งของบริษัทที่เข้าร่วมโครงการบ้านประชารัฐ[/caption]
นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า โครงการบ้านประชารัฐจะช่วยทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับกลาง-ล่าง ช่วงไตรมาส 2/59 มีความคึกคักเพิ่มมากขึ้นจากเดิมที่ไตรมาส 2 จะเป็นช่วงที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัว เนื่องจากเป็นช่วงที่มีวันหยุดมาก และจะกลับมาคึกคักอีกครั้งหนึ่งในปลายไตรมาส 3 ต่อเนื่องไตรมาส 4 โดยคาดว่าตัวเลขโครงการที่เข้าร่วมบ้านประชารัฐในครั้งนี้ จะเป็นแรงขับเคลื่อนให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยและเร่งโอน เนื่องจากวงเงินปล่อยกู้มีจำนวนจำกัด หากวงเงินกู้เต็มก็อาจทำให้สูญเสียโอกาสในการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง
สำหรับบริษัทมีโครงการที่อยู่อาศัยพร้อมโอนที่เข้าเกณฑ์บ้านประชารัฐ 6 โครงการจำนวนประมาณ 2,450 หน่วย คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 4-5 พันล้านบาท ซึ่งหากโครงการได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคบริษัทก็มีแผนขยายต่อไปยังโครงการที่กำลังก่อสร้างและคาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 2/59 จำนวน 400 หน่วย จาก 4 โครงการ เฉลี่ยโครงการประมาณ 100 หน่วย ได้แก่ 1.ลุมพินี วิลล์ ราชพฤกษ์-บางแวก 2.ลุมพินี วิลล์ สุขุมวิท 76 – แบริ่ง สเตชั่น 3.ลุมพินี พาร์ค เพชรเกษม 98 และ 4.ลุมพินี วิลล์ นครอินทร์-ริเวอร์วิว
"หลังจาก ครม.มีมติเห็นชอบกรอบการดำเนินโครงการบ้านประชารัฐ เพื่อช่วยให้ผู้ที่มีรายได้น้อยทั่วประเทศ ได้มีบ้านเป็นของตัวเองหลังแรกในราคาไม่เกิน 1.5 ล้านบาท พบว่า ขณะนี้มีผู้สนใจสอบถามเข้ามาจำนวนมากถึงรายละเอียดในกลุ่มของผู้ที่จองไปแล้ว ซึ่งในกลุ่มนี้บริษัทต้องพิจารณาคุณสมบัติก่อนว่าเข้าหลักเกณฑ์หรือไม่อย่างไร แต่สำหรับกลุ่มลูกค้าใหม่คาดว่าจะเริ่มเห็นความเคลื่อนไหวในช่วงปลายสัปดาห์ ทั้งนี้เชื่อว่าโครงการดังกล่าวจะช่วงให้เป้ารายได้ครึ่งปีที่ตั้งไว้ 1.1 หมื่นล้านบาท เป็นไปตามเป้าอย่างแน่นอน โดยคิดเป็นอัตราการเติบโตจากครึ่งแรกปี 2558 ถึง 100%"นายโอภาส กล่าว
ด้าน นายปิยะ ประยงค์ กรรมการผู้จัดการ กลุ่มธุรกิจทาวน์เฮาส์ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PS กล่าวว่า ในส่วนของบริษัทมีโครงการที่อยู่อาศัยระดับราคาไม่เกิน 1.5 ล้านบาทที่ก่อสร้างแล้วเสร็จจำนวน 25 โครงการ รวม 4,488 หน่วย มูลค่ารวมประมาณ 4.7 พันล้านบาท แบ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียมแบรนด์พลัม คอนโดกับ เดอะ ไพรเวซี่ รวม 19 โครงการ จำนวน 4,131 หน่วย มูลค่ารวม 4.2 พันล้านบาท และโครงการทาวน์เฮาส์แบรนด์ พฤกษา วิลล์และบ้านพฤกษา จำนวน 6 โครงการ 357 หน่วย มูลค่ารวม 484 ล้านบาท ระดับราคา 1.2-1.5 ล้านบาท ประกอบด้วย 1.บ้านพฤกษา 74 ศรีนครินทร์-เทพารักษ์ 2.บ้านพฤกษา 87 ศรีนครินทร์ – บางนา 3.บ้านพฤกษา นารา โรจนะ-สามเรือน 4.บ้านพฤกษา 77 สุขสวัสดิ์-กาญจนาภิเษก 5.บ้านพฤกษา 105 ฉลองกรุง-สุวินทวงศ์ และ6.พฤกษาวิลล์ 74 บางพระ-ศรีราชา
"ในส่วนของทาวน์เฮาส์ที่ร่วมโครงการ คาดว่าจะสามารถขายได้ทั้งหมดทั้ง 357 หน่วย ภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งหากได้รับการตอบรับที่ดีบริษัทก็มีความพร้อมที่จะพัฒนาสินค้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับความต้องการในส่วนนี้ที่ถือว่าเป็นฐานใหญ่ของปิรามิด โดยปัจจุบันบริษัทสามารถก่อสร้างทาวน์เฮาส์ได้ 1,000 หน่วยต่อเดือน ทั้งนี้ เชื่อว่าโครงการดังกล่าวเป็นโอกาสเดียวของผู้มีรายได้น้อยที่ต้องการมีบ้านเนื่องจากสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่าย ส่งผลให้ตลาดในไตรมาส 2/59 คึกคักอย่างแน่นอน"นายปิยะ ประยงค์ กล่าว
สำหรับ นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัจจุบันมีลูกค้าสนใจเข้ามาสอบถามเกี่ยวกับโครงการบ้านประชารัฐจำนวนมาก ขณะที่สถาบันการเงินเองก็เข้ามาสอบถามถึงการปล่อยสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำให้กับผู้ประกอบการเช่นเดียวกัน แสดงให้เห็นว่า โครงการดังกล่าวได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากประชาชน ทำให้คาดการณ์ได้ว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ในไตรมาส 2/59 จะเติบโต 20-30% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2558
ปัจจุบันบริษัทมีโครงการคอนโดมิเนียมที่มีคุณสมบัติตรงกับโครงการประชารัฐคือมีราคาขาย 7 แสน-1.5 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 1 พันล้านบาท ประกอบด้วยโครงการ บีลอฟท์ สุขุมวิท 115 , ทรอปิคาน่า บีทีเอส เอราวัณ , เดอะ คาบาน่า และพอส สุขุมวิท 107 นอกจากนี้ยังมีโครงการที่พร้อมพัฒนาต่อเนื่องอีก 1 โครงการคือ โครงการน็อตติ้งฮิลล์ แพรกษา มูลค่าโครงการ 1.5 พันล้านบาท จำนวน 980 หน่วย ระดับราคาขาย 1.2-1.5 ล้านบาท ซึ่งจะเปิดขายพรีเซลในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้ และคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมโอนภายในปี 2561
แหล่งข่าวจากบริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ANAN กล่าวว่า บริษัทได้เตรียมนำโครงการคอนโดมิเนียมแบรนด์ “ยูนิโอ” เข้าร่วมโครงการบ้านประชารัฐ จำนวน 4 โครงการราคาขาย 9 แสน - 1.5 ล้านบาท กว่า4,000-5,000 หน่วย มูลค่ารวมกว่า 5 พันล้านบาทต่อยูนิต โดยมีการเปิดขายไปแล้ว1 โครงการ คือ ยูนิโอ จรัญ ซ.3 และอยู่ระหว่างเปิดอีก 1 โครงการ ส่วนอีก 2โครงการจะเปิดตัวในปีนี้ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยทำเลได้ ทั้งนี้ บริษัทยังไม่ได้ทำการประชาสัมพันธ์ทางการตลาดแต่อย่างใดจึงยังไม่สามารถบอกได้ว่า ณ ปัจจุบันมียอดขายแล้วจำนวนเท่าไหร
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,143 วันที่ 25 - 30 มีนาคม พ.ศ. 2559
[caption id="attachment_40777" align="aligncenter" width="700"]
นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า โครงการบ้านประชารัฐจะช่วยทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับกลาง-ล่าง ช่วงไตรมาส 2/59 มีความคึกคักเพิ่มมากขึ้นจากเดิมที่ไตรมาส 2 จะเป็นช่วงที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัว เนื่องจากเป็นช่วงที่มีวันหยุดมาก และจะกลับมาคึกคักอีกครั้งหนึ่งในปลายไตรมาส 3 ต่อเนื่องไตรมาส 4 โดยคาดว่าตัวเลขโครงการที่เข้าร่วมบ้านประชารัฐในครั้งนี้ จะเป็นแรงขับเคลื่อนให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยและเร่งโอน เนื่องจากวงเงินปล่อยกู้มีจำนวนจำกัด หากวงเงินกู้เต็มก็อาจทำให้สูญเสียโอกาสในการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง
สำหรับบริษัทมีโครงการที่อยู่อาศัยพร้อมโอนที่เข้าเกณฑ์บ้านประชารัฐ 6 โครงการจำนวนประมาณ 2,450 หน่วย คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 4-5 พันล้านบาท ซึ่งหากโครงการได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคบริษัทก็มีแผนขยายต่อไปยังโครงการที่กำลังก่อสร้างและคาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 2/59 จำนวน 400 หน่วย จาก 4 โครงการ เฉลี่ยโครงการประมาณ 100 หน่วย ได้แก่ 1.ลุมพินี วิลล์ ราชพฤกษ์-บางแวก 2.ลุมพินี วิลล์ สุขุมวิท 76 – แบริ่ง สเตชั่น 3.ลุมพินี พาร์ค เพชรเกษม 98 และ 4.ลุมพินี วิลล์ นครอินทร์-ริเวอร์วิว
"หลังจาก ครม.มีมติเห็นชอบกรอบการดำเนินโครงการบ้านประชารัฐ เพื่อช่วยให้ผู้ที่มีรายได้น้อยทั่วประเทศ ได้มีบ้านเป็นของตัวเองหลังแรกในราคาไม่เกิน 1.5 ล้านบาท พบว่า ขณะนี้มีผู้สนใจสอบถามเข้ามาจำนวนมากถึงรายละเอียดในกลุ่มของผู้ที่จองไปแล้ว ซึ่งในกลุ่มนี้บริษัทต้องพิจารณาคุณสมบัติก่อนว่าเข้าหลักเกณฑ์หรือไม่อย่างไร แต่สำหรับกลุ่มลูกค้าใหม่คาดว่าจะเริ่มเห็นความเคลื่อนไหวในช่วงปลายสัปดาห์ ทั้งนี้เชื่อว่าโครงการดังกล่าวจะช่วงให้เป้ารายได้ครึ่งปีที่ตั้งไว้ 1.1 หมื่นล้านบาท เป็นไปตามเป้าอย่างแน่นอน โดยคิดเป็นอัตราการเติบโตจากครึ่งแรกปี 2558 ถึง 100%"นายโอภาส กล่าว
ด้าน นายปิยะ ประยงค์ กรรมการผู้จัดการ กลุ่มธุรกิจทาวน์เฮาส์ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PS กล่าวว่า ในส่วนของบริษัทมีโครงการที่อยู่อาศัยระดับราคาไม่เกิน 1.5 ล้านบาทที่ก่อสร้างแล้วเสร็จจำนวน 25 โครงการ รวม 4,488 หน่วย มูลค่ารวมประมาณ 4.7 พันล้านบาท แบ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียมแบรนด์พลัม คอนโดกับ เดอะ ไพรเวซี่ รวม 19 โครงการ จำนวน 4,131 หน่วย มูลค่ารวม 4.2 พันล้านบาท และโครงการทาวน์เฮาส์แบรนด์ พฤกษา วิลล์และบ้านพฤกษา จำนวน 6 โครงการ 357 หน่วย มูลค่ารวม 484 ล้านบาท ระดับราคา 1.2-1.5 ล้านบาท ประกอบด้วย 1.บ้านพฤกษา 74 ศรีนครินทร์-เทพารักษ์ 2.บ้านพฤกษา 87 ศรีนครินทร์ – บางนา 3.บ้านพฤกษา นารา โรจนะ-สามเรือน 4.บ้านพฤกษา 77 สุขสวัสดิ์-กาญจนาภิเษก 5.บ้านพฤกษา 105 ฉลองกรุง-สุวินทวงศ์ และ6.พฤกษาวิลล์ 74 บางพระ-ศรีราชา
"ในส่วนของทาวน์เฮาส์ที่ร่วมโครงการ คาดว่าจะสามารถขายได้ทั้งหมดทั้ง 357 หน่วย ภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งหากได้รับการตอบรับที่ดีบริษัทก็มีความพร้อมที่จะพัฒนาสินค้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับความต้องการในส่วนนี้ที่ถือว่าเป็นฐานใหญ่ของปิรามิด โดยปัจจุบันบริษัทสามารถก่อสร้างทาวน์เฮาส์ได้ 1,000 หน่วยต่อเดือน ทั้งนี้ เชื่อว่าโครงการดังกล่าวเป็นโอกาสเดียวของผู้มีรายได้น้อยที่ต้องการมีบ้านเนื่องจากสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่าย ส่งผลให้ตลาดในไตรมาส 2/59 คึกคักอย่างแน่นอน"นายปิยะ ประยงค์ กล่าว
สำหรับ นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัจจุบันมีลูกค้าสนใจเข้ามาสอบถามเกี่ยวกับโครงการบ้านประชารัฐจำนวนมาก ขณะที่สถาบันการเงินเองก็เข้ามาสอบถามถึงการปล่อยสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำให้กับผู้ประกอบการเช่นเดียวกัน แสดงให้เห็นว่า โครงการดังกล่าวได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากประชาชน ทำให้คาดการณ์ได้ว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ในไตรมาส 2/59 จะเติบโต 20-30% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2558
ปัจจุบันบริษัทมีโครงการคอนโดมิเนียมที่มีคุณสมบัติตรงกับโครงการประชารัฐคือมีราคาขาย 7 แสน-1.5 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 1 พันล้านบาท ประกอบด้วยโครงการ บีลอฟท์ สุขุมวิท 115 , ทรอปิคาน่า บีทีเอส เอราวัณ , เดอะ คาบาน่า และพอส สุขุมวิท 107 นอกจากนี้ยังมีโครงการที่พร้อมพัฒนาต่อเนื่องอีก 1 โครงการคือ โครงการน็อตติ้งฮิลล์ แพรกษา มูลค่าโครงการ 1.5 พันล้านบาท จำนวน 980 หน่วย ระดับราคาขาย 1.2-1.5 ล้านบาท ซึ่งจะเปิดขายพรีเซลในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้ และคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมโอนภายในปี 2561
แหล่งข่าวจากบริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ANAN กล่าวว่า บริษัทได้เตรียมนำโครงการคอนโดมิเนียมแบรนด์ “ยูนิโอ” เข้าร่วมโครงการบ้านประชารัฐ จำนวน 4 โครงการราคาขาย 9 แสน - 1.5 ล้านบาท กว่า4,000-5,000 หน่วย มูลค่ารวมกว่า 5 พันล้านบาทต่อยูนิต โดยมีการเปิดขายไปแล้ว1 โครงการ คือ ยูนิโอ จรัญ ซ.3 และอยู่ระหว่างเปิดอีก 1 โครงการ ส่วนอีก 2โครงการจะเปิดตัวในปีนี้ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยทำเลได้ ทั้งนี้ บริษัทยังไม่ได้ทำการประชาสัมพันธ์ทางการตลาดแต่อย่างใดจึงยังไม่สามารถบอกได้ว่า ณ ปัจจุบันมียอดขายแล้วจำนวนเท่าไหร
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,143 วันที่ 25 - 30 มีนาคม พ.ศ. 2559