สัปดาห์ที่ผ่านมาบรรดาผู้นำในรัฐบาลออกมาแสดงความดีใจที่ราคาสินค้าเกษตรและรายได้ครัวเรือนเกษตรกรเฉลี่ยสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 370,040 บาทต่อปี พร้อมตอกยํ้าความสำเร็จอันเนื่องมาจากนโยบายของรัฐบาลที่ให้ความสำคัญกับการสร้างความเข้มแข็งให้เกษตรกรและสถาบันเกษตรกร การเพิ่มประสิทธิภาพและยกระดับมาตรฐานการเกษตร ตลาดนำการผลิต การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันสินค้าเกษตรด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม และการดำเนินโครงการไทยนิยม ยั่งยืน
ถ้าดูจากข้อมูลของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) พบว่ารายได้ครัวเรือนเกษตรกรเพิ่มขึ้นจาก 309,278 บาท ในฤดูกาลผลิตปี 2559/2560 มาอยู่ที่ 370,040 บาทในฤดูกาลผลิต 2560/2561 หรือเพิ่มขึ้น 60,762 บาท ประกอบด้วย รายได้ที่มาจากการทำการเกษตร 197,373 บาท เพิ่มขึ้นจาก 160,9325 บาท ในฤดูกาลผลิต 2559/2560 จำนวน 36,441 บาท และรายได้นอกภาคเกษตร 172,667 บาท เพิ่มขึ้นจาก 148,346 บาทในฤดูกาลผลิต 2559/2560 จำนวน 24,321 บาท
ขณะที่รายจ่ายโดยรวมของเกษตรกรเพิ่มจาก 243,178 บาท ในฤดูกาลผลิต 2559/2560 มาอยู่ที่ 297,984 บาท หรือเพิ่มขึ้น 54,806 บาท โดยมีรายจ่ายเงินสดทางการเกษตร 122,890 บาท และรายจ่ายเงินสดนอกการเกษตร 175,094 บาท
ส่งผลให้รายได้เงินสดสุทธิครัวเรือนเพิ่มจาก 207,321 บาทในฤดูกาลผลิต 2559/2560 เป็น 247,150 บาท หรือเพิ่มขึ้น 39,829 บาท และรายได้สุทธิทาง การเกษตรในฤดูกาลผลิตปี 2560/ 2561 เพิ่มจาก 58,975 บาท ในฤดู กาลผลิต 2559/2560 เป็น 74,483 บาทในฤดูกาลผลิตปี 2561
สำนักงานเศรษฐกิจการ เกษตรระบุว่า ในปี 2561 เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นจากสาขาพืชเป็นหลัก อาทิ ข้าว สร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร 56,123 บาทต่อครัวเรือน ไม้ผล ไม้ยืนต้น สร้างรายได้ 46,854 บาทต่อครัวเรือน และพืชไร่ สร้างรายได้ 32,072 บาทต่อครัวเรือน พร้อมเชื่อว่าในปี 2562 รายได้เกษตรกรยังคงเพิ่มขึ้นจากผลผลิตสินค้าเกษตรที่สำคัญ อาทิ ข้าว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ยางพารา และผลไม้ จากปัจจัยสนับสนุนของสภาพอากาศที่เอื้ออำนวยต่อการผลิตและการบริหารจัดการนํ้าที่มีประสิทธิภาพ ประกอบกับการดำเนินนโยบายและมาตรการด้านการเกษตร และการวางแผนการผลิตที่สอด คล้องกับความต้องการของตลาดส่งผลให้รายได้ภาคเกษตรในปีหน้ายังคงขยายต่อเนื่อง
แม้ว่ารายได้เกษตรกรจะปรับตัวดีขึ้น แต่อย่าเพิ่งดีใจกับข้อมูล เพราะถ้าเจาะลึกในรายละเอียดจะพบว่า ภาวะเศรษฐกิจครัวเรือนเกษตรกรที่สศก.เปิดเผยนั้น เป็นการคำนวณภายใต้สมมติฐาน ครัวเรือนเกษตรกร 1 ครอบครัวมีสมาชิก 3.8 คน และเป็นรายได้เฉลี่ยต่อครัวเรือนต่อปี
ถ้าลองเอาตัวเลขตรงนี้มาคำนวณเป็นรายได้เกษตรกรต่อคนต่อเดือนแล้วจะพบข้อมูลที่น่าตกใจ เพราะใน 1 เดือนเกษตรกรจะมีรายได้ต่อคนเฉลี่ยเพียง 8,114 บาท หรือวันละประมาณ 270 บาทเท่านั้น โดยรายได้เงินสดทางการเกษตร 4,328 บาทต่อเดือน และรายได้เงินสดนอกการ เกษตร 3,786 บาทต่อเดือน
ขณะที่รายจ่ายรวมจะอยู่ที่ 6,534 บาทต่อเดือน ประกอบด้วย รายจ่ายเงินสดทางการเกษตรค่าปุ๋ย ยาฆ่าแมลง เมล็ดพันธุ์และอื่นๆ 2,694 บาทต่อเดือน และรายจ่ายเงินสดทางการเกษตร 3,839 บาทต่อเดือน
เมื่อนำรายได้และรายจ่ายมาหักลบกันแล้วเกษตรกร 1 คนจะมีรายได้เงินสดสุทธิ 5,419 บาท ในจำนวนนี้เป็นรายได้เงินสดทางการเกษตร 1,633 บาท และมีเงินสดเหลือ ก่อนจ่ายหนี้ 1,580 บาทต่อเดือน
อีกประเด็นที่น่าเป็นห่วงคือ ถ้าดูจากค่าจ้างแรง งานภาคเกษตรจะพบว่ามีอัตราการเพิ่มขึ้นที่น้อยมาก โดยข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทยระบุว่าค่าจ้างแรงงานภาคเกษตรในช่วง 8 ปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นน้อยมาก จาก 4,695.67 บาท ในเดือนมกราคม 2555 มาอยู่ที่ 5,967.5 บาทต่อเดือนในเดือนมีนาคม 2562 หรือเพิ่มขึ้นเพียง 1,272 บาทเท่านั้น ตํ่ามากเมื่อเทียบกับอัตราค่าจ้างแรงงานโดยรวมในไตรมาสแรกปีนี้ที่ 12,388 บาทต่อเดือน
ถึงเวลาแล้วหรือยังที่เราจะให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้อย่างจริงจัง เพราะนี่คือความเป็นจริงที่เกิดขึ้นกับเกษตรกรของไทยกว่า 11 ล้านคน
ถอดสูตรคุย โดย บรรทัดเหล็ก
หน้า 7 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3481 ระหว่างวันที่ 23 - 26 มิถุนายน 2562