หุ้น 3 เจัาสัว ดันมาร์เก็ตแคป 1.2 แสนล้านบาท

20 มิ.ย. 2562 | 01:30 น.

ตระกูลใหญ่เข็นกิจการเข้าระดมทุนในตลาดหุ้น หวังสร้างความเชื่อมั่น โบรกฯคาดตลาดคึกคักรับหุ้นใหม่กลุ่มเจ้าสัว ชี้เพิ่มทางเลือก และเป็นโอกาสสะสมหุ้นพื้นฐานในพอร์ต พบ 3 ตระกูลดัง “ภิรมย์ภักดี-โอสถานุเคราะห์-ชินวัตร” มีมาร์เก็ตแคปรวม 1.2 แสนล้านบาท

ภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวในปัจจุบัน ได้กดดันการลงทุนต่างๆ ของบริษัทเอกชน หากจะต้องกู้ยืมเงินจากธนาคารพาณิชย์ก็ต้องแบกรับภาระดอกเบี้ย ทำให้การระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง เพราะมีต้นทุนตํ่า นอกจากจะได้เงินจากการระดมทุนแล้ว ยังได้รับความน่าเชื่อถือจากการเป็นบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ที่การดำเนินงานต้องตรวจสอบได้ โปร่งใส และมีธรรมาภิบาล 

โดยที่ผ่านมา มีธุรกิจของกลุ่มตระกูลที่มีชื่อเสียงไม่ใช่แค่ต้องการเงินระดมทุนเพื่อขยายกิจการเท่านั้น ยังเข้าจดทะเบียนเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและความมั่นคงอีกด้วย

หุ้น 3 เจัาสัว  ดันมาร์เก็ตแคป  1.2 แสนล้านบาท

รายงานข่าวจากตลาด หลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) เปิดเผยว่า บจ.ที่เข้าระดมทุนในช่วงปี 2561-2562 มีกลุ่มธุรกิจของตระกูลที่มีชื่อเสียงเข้าระดมทุนในตลท. โดยเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2561 บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) (OSP) ของกลุ่ม “โอสถานุเคราะห์” ได้เปิดซื้อขายหุ้นวันแรกที่ราคาเสนอขายหุ้นสามัญแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ) หุ้นละ 25 บาท ซึ่งมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) ใหญ่ที่สุดของการระดมทุนของบจ.ในปี 2561 ทั้งนี้วัตถุประสงค์เพื่อสร้างความมั่นคงของธุรกิจที่มีมายาวนาน รวมถึงเพื่อให้เป็นที่รู้จักและยอมรับในระดับสากล ซึ่่งมูลค่าตามราคาตลาด(มาร์เก็ตแคป) ล่าสุด ณ วันที่ 14 มิถุนายน 2562 สูงถึง 103,629.38 ล้านบาท 

ขณะที่ วันที่ 18 ตุลาคม 2561 บริษัท บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส จำกัด (มหาชน) (BGC) ของกลุ่ม “ภิรมย์ภักดี” เปิดซื้อขายวันแรกด้วยราคาไอพีโอหุ้นละ 10.20 บาท โดยประกอบธุรกิจจัดจำหน่าย ส่งออก และนำเข้าบรรจุภัณฑ์แก้ว ทั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อชำระเงินกู้ยืมจากธนาคารพาณิชย์ และที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ ซึ่งมาร์เก็ตแคป ณ วันที่ 14 มิถุนายน 2562 อยู่ที่ระดับ 8,263.88 ล้านบาท 

ขณะเดียวกัน วันที่ 30 ตุลาคม 2561 บริษัท โรงพยาบาลพระรามเก้า จำกัด (มหาชน) (PR9) ที่มีผู้ถือหุ้นใหญ่คือตระกูล“ชินวัตร” เปิดซื้อขายวันแรกด้วยราคาไอพีโอหุ้นละ 11.60 บาท โดยเงินที่ได้จากการระดมทุนจะนำใช้ปรับปรุงโครงการต่างๆ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ ล่าสุด ณ วันที่ 14 มิถุนายน 2562 มีมาร์เก็ตแค็ป 8,492.04 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลการยื่นไฟลิ่งของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาด หลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) พบว่า มี 2 บริษัท อยู่ระหว่างดำเนินการ คือ บริษัท แอสเสทเวิรด์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (AWC) ของกลุ่ม “สิริวัฒนภักดี” ที่นำธุรกิจโครงการอสังหาริมทรัพย์ ที่หลากหลายเข้ามาอยู่ภายในสินทรัพย์ของ AWC ส่วน บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) (SHR) ของกลุ่ม “ภิรมย์ภักดี” ซึ่งประกอบธุรกิจบริหารจัดการโรงแรมและลงทุนในธุรกิจโรงแรมระดับนานาชาติ

นายพบชัย ภัทรวิชญ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสายงานวิจัย ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ไทยพาณิชย์ฯ เปิดเผยว่า การนำธุรกิจเข้าระดมทุนของกลุ่มตระกูลที่มีชื่อเสียง ถือเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างภาพลักษณ์ของธุรกิจ รวมถึงนำร่องก่อน เพื่อในอนาคตอาจจะนำธุรกิจอื่นๆ ในเครือเข้าจดทะเบียนเพิ่มเติมได้ ทั้งนี้ มองว่ากลุ่มตระกูลเหล่านี้ ไม่ได้มีปัญหาเกี่ยวกับเงินลงทุน แต่การเข้าจดทะเบียนจะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือของธุรกิจให้มีความแข็งแกร่งและมีขนาดใหญ่ยิ่งขึ้น

“คาดว่าหากหุ้นของกลุ่มตระกูลดังเริ่มเปิดซื้อขาย เช่น AWC และ SHR จะทำให้บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นไทยกลับมาคึกคักมากขึ้น เนื่องจากเป็นหุ้นที่มีพื้นฐานธุรกิจที่ดีและใหญ่อยู่แล้ว โดยคาดว่าราคาซื้อขายอาจจะไม่หวือหวามากนัก อย่างเช่น OSP ซึ่งในช่วงแรกราคายังไม่ไปไหน แต่ปัจจุบันแนวโน้มธุรกิจที่ดีขึ้น ทำให้ราคาหุ้นปรับขึ้นได้ นอกจากนี้ จะทำให้มูลค่าซื้อขายในหุ้นไทยปรับเพิ่มขึ้น จากการเข้าซื้อหุ้นเหล่านี้ รวมถึงยังเป็นทางเลือกใหม่ สำหรับนักลงทุนที่ต้องการสะสมหุ้นใหม่ที่มีพื้นฐานดีในพอร์ตอีกด้วย”

 

 

นายเอกจักร บัวหภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด บริษัทในเครือ บล.โกล เบล็กฯ กล่าวว่า ภาพรวมการระดมในตลาดหุ้นไทยของบจ.ยังเป็นบวก ภายใต้รัฐบาลใหม่มีการจัดตั้งและออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หากเศรษฐกิจเติบโตได้ จะหนุนให้การลงทุนในตลาดหุ้นโตตาม นอกจากนี้ มองว่าในช่วงครึ่งปีหลังปีนี้ ยังมีหุ้นที่รอทยอยเปิดซื้อขาย ทำให้บรรยากาศการระดมทุนยังดีอยู่ ซึ่งต้องมีการคัดหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี เพื่อเรียกความเชื่อมั่น หลังจากปัจจุบันสัดส่วนนักลงทุนรายย่อยลดลง เมื่อเทียบกับ 3-4 ปีที่ผ่านมา 

 

หน้า 17-18 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับ 3480 วันที่ 20-22 มิถุนายน 2562

หุ้น 3 เจัาสัว  ดันมาร์เก็ตแคป  1.2 แสนล้านบาท