'เอไอเอส'สร้างเครื่องมือต้านโรคออนไลน์

18 มิ.ย. 2562 | 10:10 น.

เอไอเอสเปิดแนวคิด“ถ้าเราทุกคนคือเครือข่าย” ผนึกกำลังเชิญชวนทุกภาคส่วนร่วมสร้างภูมิคุ้มกันรณรงค์ปลูกจิตสำนึกการใช้ชีวิตในโลกDigital อย่างยั่งยืน

เอไอเอสเดินหน้าผลักดันการสร้างสังคมDigital อย่างยั่งยืนผ่านแนวคิด“ถ้าเราทุกคนคือเครือข่าย”ประกาศภารกิจยิ่งใหญ่“อุ่นใจไซเบอร์”สำหรับเยาวชน 

• การยกระดับมาตรฐานความรู้เท่าทันDigital ด้วยDQ (Digital Quotient)

• การพัฒนาระบบคัดกรองOnline Content ที่ไม่เหมาะสมด้วยระบบ“AIS Secure Net (Beta Phase)” และ“Google Family Link”ที่เกิดจากความร่วมมือกับGoogle

 

โครงการ“อุ่นใจไซเบอร์”มีเป้าหมายในการสร้างภูมิคุ้มกันรณรงค์ปลูกจิตสำนึกและสร้างเครื่องมือคัดกรองContent ที่ไม่เหมาะสมจากโลกDigital โดยเน้นใน2 ด้านคือมุ่งส่งเสริมการเรียนรู้และสร้างทักษะทางDigital (Educator) เพื่อให้เกิดการตระหนักรู้ควบคู่ไปกับการพัฒนาทักษะเพื่อให้ใช้ดิจิทัลอย่างรู้เท่าทันและป้องกัน(Protector) ความเสี่ยงจากการใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านDigital Solutions  

 

1. การยกระดับมาตรฐานความรู้เท่าทันDigital ด้วยDQ (Digital Quotient)

เอไอเอสโดยบทบาทการเป็นผู้ส่งเสริมการเรียนรู้ทักษะทางดิจิทัล(Digital Educator) เป็นรายแรกและรายเดียวในไทยที่ได้นำเข้าDQ ชุดการเรียนรู้360 องศาเพื่อพัฒนาทักษะและความฉลาดทางดิจิทัลDQ (Digital Quotient) ครบทั้ง8 ทักษะให้กับเด็กๆสร้างภูมิคุ้มกันในการก้าวเข้าสู่โลกออนไลน์อย่างมีไหวพริบรู้จักวางตัวอย่างเหมาะสมกับคนแปลกหน้าและใช้มือถือ 

แท็บเล็ตอย่างฉลาดไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพซึ่งชุดการเรียนรู้นี้ได้รับการยอมรับและมีการนำไปฝึกทักษะให้กับเด็กๆมากกว่า110 ประเทศทั่วโลกแปลถึง21 ภาษาจาก100 พาร์ทเนอร์ขณะนี้

ได้เริ่มขยายผลการสร้างทักษะความฉลาดทางดิจิทัลDQ (Digital Quotation)  ไปสู่ภาคการศึกษาทั่วประเทศรวมถึงเปิดPortal ศูนย์กลางการเรียนรู้สำหรับคนไทยทุกคนที่โรงเรียนหรือสถาบันที่ทำงานเพื่อพัฒนาเยาวชนต่างๆสามารถเข้ามาใช้งานได้แล้ววันนี้ที่www.ais.co.th/dq

 

2. การพัฒนาระบบคัดกรองOnline Content ที่ไม่เหมาะสม

เอไอเอสโดยบทบาทการเป็นผู้ให้บริการและพัฒนาเครือข่ายที่ป้องกันความเสี่ยง(network protector) จากContent ที่ไม่เหมาะสม

• เปิดตัวAIS Secure Net(Beta) ที่จะช่วยป้องกันและคัดกรองเนื้อหาบนโลกออนไลน์ไม่ว่าจะเป็นเว็บ, ข้อความรูปภาพหรือวิดีโอที่ไม่เหมาะสมจากบุตรหลานในช่วงแรกนี้เอไอเอสจะเปิดให้ลูกค้าได้ทดลองใช้บริการเป็นBeta Phase เชิญชวนลูกค้าเอไอเอสที่สนใจอยากใช้บริการเข้ามาลงทะเบียนผ่านหน้าเว็บไซต์เพื่อร่วมเป็นPioneer ในการทดลองใช้บริการก่อนใครจำนวน10,000 คนแรก สามารถเข้ามาลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่25 มิถุนายน2562 และลูกค้ากลุ่มนี้ก็จะได้ทดลองใช้บริการAIS Secure Net ได้ตั้งแต่วันที่4 กรกฎาคม2562 เป็นต้นไป

• ร่วมมือกับGoogle ในการนำบริการParental Control ผ่านแอปพลิเคชันGoogle Family Linkมาขยายผลสู่กลุ่มผู้ปกครองคนไทย(ใช้ได้ทุกเครือข่าย) ที่จะสามารถให้คำแนะนำ 

ดูแลการใช้งานโทรศัพท์รวมถึงดูแลความปลอดภัยจากพิกัดปัจจุบันของบุตรหลานได้ง่ายๆโดยเอไอเอสมอบอินเทอร์เน็ตon-top สำหรับการใช้งานให้ลูกค้าเอไอเอสสามารถดูแลบุตรหลานของท่านได้อย่างสบายใจ

 

นายสมชัยเลิศสุทธิวงค์ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเอไอเอสกล่าวว่า“ในฐานะDigital Life Service Provider ที่มุ่งมั่นพัฒนาDigital Infrastructure เพื่อประเทศนอกเหนือจากการทำหน้าที่พัฒนาบริการเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าอย่างดีที่สุดแล้วเรายังให้ความสำคัญกับการร่วมสร้างการเติบโตและพัฒนาสังคมสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุลและยั่งยืนเพื่อทำให้ทุกภาคส่วน(Stakeholder) เติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง 

การมาถึงของเทคโนโลยีDigital ก่อให้เกิดผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่วิถีการดำเนินชีวิตรูปแบบการทำธุรกิจตลอดจนระบบเศรษฐกิจในระดับมหภาคซึ่งแน่นอนว่าย่อมนำมาทั้งประโยชน์มหาศาลในขณะเดียวกันหากนำไปใช้อย่างไม่เหมาะสมก็สามารถส่งผลในทางลบกับสังคมได้เช่นกันทั้งนี้รวมไปถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่มาจากขยะอิเล็กทรอนิกส์(e-waste) ที่หากไม่ได้รับการปลูกฝังหรือให้ข้อมูลการบริหารจัดการอย่างถูกวิธีย่อมส่งผลร้ายแรงมาสู่ชีวิตทุกคนในโลก

โดยปรากฎการณ์ดังกล่าวสะท้อนให้เห็นเด่นชัดผ่านงานวิจัยหลากหลายสำนักที่ระบุว่าในปี2561เยาวชนไทยอายุระหว่าง8 – 12 ปีมีการใช้งานอินเทอร์เน็ตสูงถึง35 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ซึ่งมากกว่าค่าเฉลี่ย

ทั่วโลกถึง3 ชั่วโมงอีกทั้งยังค้นพบว่าเด็กไทยขาดทักษะในการใช้งานดิจิทัลอย่างชาญฉลาดทำให้เสี่ยงได้รับภัยอันตรายที่แฝงมากับอินเทอร์เน็ตใน4 รูปแบบคือการถูกกลั่นแกล้งออนไลน์(Cyberbullying) การเข้าถึงสื่อลามกการติดเกมและการถูกหลอกให้พบกับคนแปลกหน้า 

นายสมชัยกล่าวเสริมว่า“อีกปัญหาที่ประเทศไทยกำลังได้รับผลกระทบจากการมาของเทคโนโลยีคือปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์ปี2561 มีรายงานว่าคนไทยทิ้งขยะอันตรายทั้งสิ้น638,000 ตันซึ่งขยะส่วนใหญ่เป็นซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์สูงถึง65% อีกทั้งของเสียอันตรายจากชุมชนเหล่านี้ได้รับการจัดการอย่างถูกวิธีเพียง83,000 ตันเท่านั้น”

“ในฐานะผู้ที่อยู่ในอุตสาหกรรมDigital โดยตรงเราจึงมุ่งมั่นตั้งใจที่จะเป็นแกนกลางเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงในการพัฒนาความรู้แก่เยาวชนอันจะนำมาซึ่งการเติบโตของสังคมDigital อย่างยั่งยืนรวมถึงยังมีเจตนารมณ์อย่างแรงกล้าที่จะอุทิศตนเพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาสังคมให้มีความสุข 

จากสภาพแวดล้อมที่ดีอันจะนำมาซึ่งความแข็งแกร่งและเติบโตอย่างยั่งยืนของประเทศชาติผ่านDigital Platform ที่จะเป็นDigital Platform ของคนไทยทุกคนผ่านแนวคิด“ถ้าเราทุกคนคือเครือข่าย”นั่นเอง”