“ศิริ”ยอมถอย เปิดทางรมว.พลังงานคนใหม่ แก้แผนพีดีพี

“ศิริ” ฝาก 3 เรื่องให้รัฐมนตรีพลังงานคนใหม่สานต่อโครงการโซลาร์ภาคประชาชน 1 หมื่นเมกะวัตต์ พร้อม เปิดทางรื้อแผนพีดีพีฉบับใหม่ เผยปลื้มผลงานผลักดันการประมูลแหล่งก๊าซเอราวัณและบงกช สำเร็จ ยุติการขัดแย้งการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินภาคใต้

นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ระหว่างที่อยู่ในช่วงการจัดตั้งรัฐบาลใหม่นั้น อยากฝากไปถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานคนใหม่ ที่จะเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ จะมี 4 เรื่องด้วยกัน 1.การปรับแผนการดำเนินงานในระยะสั้นถึงระยะยาวให้สอดรับกับ 5 แผนพลังงานที่ได้วางไว้ โดยเฉพาะในแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศปี 2561-2580 (PDP 2018) ที่จัดทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว ขณะที่อีก 4 แผนจะต้องทบทวนให้สอดรับกับแผนPDPและสนับสนุนต่อแผนงานที่วางไว้ในบรรลุเป้าหมาย ทั้งแผนอนุรักษ์พลังงาน (EEP),แผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก (AEDP),แผนบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติ(GAS) และแผนบริหารจัดการน้ำมันเชื้อเพลิง(OIL)

“ไม่ห่วง หากรัฐมนตรีคนใหม่จะปรับหรือแก้แผนพีดีพี ก็สามารถทำได้ เพราะมีขั้นตอนกำกับดูแลชัดเจน ที่ต้องเสนอคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ( กพช.) และคณะรัฐมนตรี เป็นชอบ ซึ่งการผลักดันแผนพีดีพีทีผ่านมากระทรวงพลังงาน ได้ดำเนินการตามขั้นตอนอยู่แล้ว”

2.การสานต่อโครงการโซลาร์ภาคประชาชน ที่เปิดโอกาสให้ขายไฟฟ้าส่วนเกินเข้าระบบได้ในราคา 1.68 บาทต่อหน่วย ซึ่งในอนาคตจะรับซื้อถึง 10,000 เมกกะวัตต์ ตามแผนพีดีพี ซึ่งจะเป็นผลดีต่ออัตราค่าไฟฟ้าโดยรวมของประเทศในอนาคตไม่แพงขึ้น

3.อยากให้ดูแลเหล่าข้าราชการทุกกรมในสังกัดกระทรวงพลังงาน รวมถึงทีมบริหารและพนักงานหน่วยงานรัฐวิสาหกิจในสังกัดทั้งการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศ(กฟผ.) และบริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน) เนื่องจากที่ผ่านมา กระทรวงพลังงาน ได้วางตัวทีมบริหารในแต่ละสายงานไว้เป็นอย่างดีแล้วตั้งแต่ระดับอธิบดีในแต่ละกรมลงไปสู่ระดับล่าง ทำให้การทำงานเป็นทีมเวิร์ค และพร้อมที่จะปฏิบัติภารกิจต่างๆ เพื่อตอบสนองต่อแผนงานที่วางไว้

นายศิริ กล่าวว่าอีกว่า สำหรับการปฏิบัติหน้าที่ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานที่ผ่านมานั้น เรื่องที่ภูมิใจ เป็นการผลักดันเปิดประมูลสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในแหล่งเอราวัณ-บงกช จนได้ผู้ชนะประมูลสำเร็จและได้ต้นทุนราคาคงก๊าซฯคงที่ต่ำลงมาก อยู่ที่ประมาณ 116 บาทต่อล้านบีทียู   รวมถึงการยุติความขัดแย้งกระแสต่อต้านโรงไฟฟ้าถ่านหินในภาคใต้ ซึ่งได้วางระบบในการหาคำตอบว่า โรงไฟฟ้าถ่านหินนั้นดีหรือไม่ดี โดยการศึกษาารประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์(SEA) และจะต้องชี้ชัดว่า ภาคใต้ควรมีโรงไฟฟ้าถ่านหินหรือไม่ โดยขณะนี้ก็อยู่ในกระบวนการศึกษาข้อมูลต่างๆ

อีกทั้ง การจัดทำแผนพีดีพีฉบับใหม่ จนสำเร็จในระยะเวลาสั้น ทำให้สามารถวางโครงสร้างผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนถึง 35% ของกำลังผลิตไฟฟ้ารวม และที่สำคัญทำให้โครงสร้างราคาไฟฟ้าตลอดแผนลดลงอยู่ที่ 3.58 บาทต่อหน่วย  จากแผนเดิมค่าไฟฟ้าอยู่ที่  5.5 บาทต่อหน่วยในปี 2579 เป็นต้น