3 สถาบันจ่อหดเป้า  จีดีพี-ส่งออก ชงสมุดปกขาวรัฐบาลใหม่

16 มิ.ย. 2562 | 05:45 น.

 

 

คอลัมน์สัมภาษณ์

สงครามการค้าสหรัฐฯ-จีนที่ยังยืดเยื้อ และสหรัฐฯ ยังเล็งทำสงครามการค้ากับอีกหลายประเทศที่เกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ ส่งผลการค้าโลกหดตัว ฟาดหางส่งออกไทย 4 เดือน แรกยังติดลบ 1.9% ขณะที่การเมืองไทยยังไม่มีความชัดเจนเรื่องการจัดตั้งรัฐบาล ยังเป็นปัจจัยลบที่ส่งผลถึงความเชื่อมั่นการลงทุนของภาคเอกชนทั้งไทยและต่างชาติในโครงการใหม่ๆ ที่หยุดชะงัก บ้างก็หันไปลงทุนประเทศอื่น ส่งผลให้หลายสำนักพยากรณ์ต่างออกมาปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจ และการส่งออกของไทย

3 สถาบันจ่อหดเป้า   จีดีพี-ส่งออก  ชงสมุดปกขาวรัฐบาลใหม่

สุพันธุ์  มงคลสุธี

 

จ่อหดเป้าจีดีพี-ส่งออก

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เผยในการให้สัมภาษณ์กับ “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า ในการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน หรือกกร. ในวันที่ 3 กรกฎาคมนี้ ทาง กกร.จะพิจารณาปรับลดคาดการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจ (จีดีพี)ลงอีก จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ตั้งแต่ไตรมาสแรกปีนี้จะขยายตัวได้ที่ 3.7-4% และมูลค่าการส่งออกจะขยายตัวได้ที่ 3-5% ก็จะปรับลดลงเช่นกัน

“ต้องยอมรับว่า เศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลังยังไม่ค่อยสดใส จากเทรดวอร์ ทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกไม่ค่อยดี ยิ่งจีดีพีของไทยส่วนใหญ่ขึ้นกับภาคการส่งออก และ 4 เดือนแรกปีนี้ส่งออกไทยก็ยังติดลบ (-1.9%) ยิ่งทำให้เรามีโอกาสในครึ่งปีหลังไม่น่าจะดีเท่าไรนัก ทั้งนี้คาดการณ์ตัวเลขจีดีพีและตัวเลขส่งออกใหม่ทาง กกร.จะคุยและสรุปกันอีกทีว่าจะปรับลดลงเหลือเท่าไหร่ แต่มองว่าคงตํ่ากว่าปีที่แล้วแน่นอน”

ส่วนอีกปัจจัยลบคือการเมืองของไทยที่ยังไม่ชัดเจน หากการจัดตั้งรัฐบาลยังมีความล่าช้าอาจเกิดปัญหาได้ เฉพาะอย่างยิ่งจะกระทบต่อความเชื่อมั่นการลงทุนของภาคเอกชนในโครงการใหม่ๆ ที่ชะลอและเฝ้าจับตามอง ขณะที่โครงการลงทุนในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) คงไม่กระทบมาก เพราะโครงการลงทุนโครง สร้างพื้นฐานส่วนใหญ่มีความชัดเจน โดยรัฐบาลออกทีโออาร์ และเปิดประมูลไปบ้างแล้ว คงมีการสานต่อ

อย่างไรก็ดีด้านปัจจัยบวกต่อเศรษฐกิจก็ยังมี ที่สำคัญคือ สงครามการค้าจะทำให้ไทยมีโอกาสสูงขึ้นจากนักลงทุนจีน และต่างชาติจะย้ายฐานออกจากจีนมาลงทุนในไทยเพิ่มขึ้น และหากได้รัฐบาลใหม่ที่ชัดเจนแล้วและมีการเจรจาการค้าเสรี (FTA)ใหม่ๆ มีการเจรจาและเซ็นเอฟทีเอกับสหภาพยุโรป (อียู) และไทยเข้าร่วมเป็นสมาชิกความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (CPTPP) จะช่วยทำให้การค้า การลงทุนของไทยมีโอกาสขยายตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวของไทยยังดีต่อเนื่อง

 

รอชงสมุดปกขาว

นายสุพันธุ์ กล่าวอีกว่า ทางกกร. ซึ่งประกอบด้วย สภาอุตสาหกรรมฯ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทยอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลของแต่ละสถาบันเพื่อจัดทำเป็นสมุดปกขาว (White Paper) นำเสนอรัฐบาลใหม่เพื่อพิจารณาและกำหนดเป็นนโยบายในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ

 

ทั้งนี้ในส่วนของส.อ.ท. เตรียมเสนอแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมสู่อนาคต (Industry Transformation) ใน 5 ด้านได้แก่ 1. การสร้างความเข้มแข็งเครือข่ายภาคอุตสาหกรรมด้วยการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมร่วมกับภาครัฐ และเร่งการพัฒนา Ease of Doing Business ของทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงการปรับวิธีการบริหารศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีของภาครัฐ 2. เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันอุตสาหกรรมไทยโดยการตั้งกองทุน Innovation Fund สำหรับ SMEs และตั้งศูนย์ Big Dataภาคอุตสาหกรรม รวมถึงการยกระดับอุตสาหกรรมเกษตร (Smart Agro)

3. ยกระดับ SMEs และส่งเสริมเมดอินไทยแลนด์โดย SME Venture Program และยกระดับสินค้าและบริการของอุตสาหกรรมให้มีคุณภาพมาตรฐานในระดับสากล จัดตั้งกองทุนผู้เชี่ยวชาญช่วยเหลือ SMEs ประชาสัมพันธ์ และสนับสนุนการซื้อสินค้าเมดอินไทยแลนด์รวมทั้งส่งเสริมการตลาดด้วยการจัดตั้งศูนย์สนับสนุนอี-คอมเมิร์ซและภาครัฐเพิ่มวงเงินจัดซื้อสินค้านวัตกรรม

 

4. เสริมสร้างธรรมาภิบาล ความรับผิดชอบต่อสังคม โดยรัฐจัดให้มีการยกเลิกกฎหมายที่ไม่จำเป็นและปฏิรูปบุคลากรภาครัฐ การส่งเสริมการพัฒนาและรักษาสิ่งแวดล้อม และด้านที่ 5 ยกระดับทักษะ ความรู้และคุณภาพชีวิตทรัพยากรมนุษย์ ด้วยการส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต และปรับการศึกษาให้เข้ากับภาคอุตสาหกรรม รวมทั้งผลักดันระบบการจ่ายค่าแรงตามทักษะ 

 

หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ  ปีที่ 39 ฉบับ 3,479 วันที่ 16-19 มิถุนายน 2562

3 สถาบันจ่อหดเป้า   จีดีพี-ส่งออก  ชงสมุดปกขาวรัฐบาลใหม่