สแน็กสุขภาพแรง ‘ฟิตโต้’แจ้งเกิดน้องใหม่

20 มิ.ย. 2562 | 11:29 น.

เทรนด์สุขภาพมาแรง “ฟิตโต้ กรุ๊ป” สบช่องส่งสแน็กเพื่อสุขภาพ “ฟิตโต้” รุกตลาดไทย-เทศ พร้อมเดินเครื่องรุกกิจกรรมการตลาดครบวงจรทั้งออนไลน์-ออฟไลน์ หวังปั้นยอดขายทะลุ 100 ล้านบาท ใน2-3 ปี

นางสาวธนันพัชญ์ ไพบูลย์ธนภาค ผู้ก่อตั้งบริษัท ฟิตโต้ กรุ๊ป จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายขนมขบเคี้ยวทางเลือกสุขภาพแบรนด์ “ฟิตโต้” (FITTO) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า หลังจากที่ได้ศึกษาตลาดขนมขบเคี้ยวในประเทศไทยอย่างจริงจังในช่วงที่ผ่านมา พบว่าตลาดขนมขบเคี้ยวทางเลือกสุขภาพในไทยยังไม่มีแบรนด์ไหนที่มีทั้งรสชาติที่ถูกปากพร้อมการเป็นขนมเพื่อสุขภาพที่รับประทานแล้วอร่อยถูกปากและสุขภาพ และส่วนใหญ่มักจะใช้นํ้ามันทอด และอบกรอบ แต่ยังไม่มีผู้เล่นรายใดใช้วิธีการป๊อป หรือกระบวนการใช้ความร้อนและแรงดันในการทำให้วัตถุดิบมีรูปทรงที่ต้องการคล้ายๆ ป๊อปคอร์น ซึ่งจากช่องว่างดังกล่าวทำให้บริษัทเล็งเห็นโอกาสทางการเติบโต จึงได้เปิดตัว ขนมขบเคี้ยวทางเลือกสุขภาพแบรนด์ “ฟิตโต้ หรือ FITTO” 3 รส ได้แก่ รสดั้งเดิม, รสสไปซี่บาร์บีคิว และรสชีส ออกมาทำตลาดเมื่อช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา

 

“ต้องยอมรับว่าการทำตลาดผลิตภัณฑ์จัดจำหน่ายขนมขบเคี้ยวทางเลือกสุขภาพ ถือเป็นการสร้างแบรนด์ในตลาดที่ท้าทายเป็นอย่างมากในเมืองไทย โดยช่วงเเรกขนมที่ทำออกมาไม่ถูกใจ ไม่กรอบ ไม่อร่อย ลองเอาไปวางขาย ปรากฏลูกค้าไม่ซื้อ โดยมียอดขายเฉลี่ย 100 ห่อต่อเดือน หลังจากนั้นจึงกลับมาพัฒนาสูตรใหม่ ใช้เวลาอีกเกือบ 2 ปี จนมั่นใจว่าขนมอร่อยจริงจึงนำมาวางขายในโมเดิร์นเทรดอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี สามารถสร้างยอดขายเติบโต 50-70% ตลอดช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม ที่วางตลาด ซึ่งโจทย์ต่อไปที่บริษัทต้องทำในการสร้างแบรนด์ก็คือทำอย่างไรลูกค้าจะกลับมาซื้อซํ้าและมีการบอกต่อ โดยวางคาดการณ์ว่าจะใช้เวลาในการสร้างแบรนด์ 2-3 ปี ในการเข้าไปอยู่ในใจของกลุ่มเป้าหมาย”

สแน็กสุขภาพแรง ‘ฟิตโต้’แจ้งเกิดน้องใหม่

ธนันพัชญ์ ไพบูลย์ธนภาค

ด้านแผนการสร้างแบรนด์ในไทยนับจากนี้จะให้ความสำคัญกับการสื่อสารแบรนด์แบบตรงไปตรงมา ทั้งในช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ ควบคู่กับการกระจายสินค้าไปยังจุดจำหน่ายโมเดิร์นเทรดต่างๆ ให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น จากปัจจุบันที่มีวางจำหน่ายแล้วที่เซเว่น อีเลฟเว่น, ท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต, แฟมิลี่ มาร์ท และลอว์สัน 108 ไม่ว่าจะเป็นในย่านของออฟฟิศ อาคารสำนักงาน ซึ่งถือเป็นการขยายบนทำเลที่มีกลุ่มเป้าหมายหลักของแบรนด์ที่เป็นวัยเริ่มทำงานเป็นต้นไป

 

ขณะที่ในส่วนของตลาดต่างประเทศหลังจากที่บริษัทได้เข้าไปทำตลาดแล้วในหลายประเทศแถบเอเชีย ไม่ว่าจะเป็น สิงคโปร์ มาเลเซีย ฮ่องกง มาเก๊า ฯลฯ ล่าสุดได้เตรียมขยายตลาดเข้าไปในประเทศแถบยุโรป และอเมริกาเพิ่มเติม เบื้องต้นอยู่ระหว่างการเจรจาร่วมกับพาร์ตเนอร์ เพื่อสร้างตลาดอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังเป็นการสร้างโอกาสทางการเติบโตของแบรดน์ในตลาดโลก เนื่องจากตลาดขนมขบเคี้ยวเพื่อสุขภาพในต่างประเทศอย่างยุโรป และอเมริกา แม้จะมีการแข่งขันกันสูงแต่
ก็ยังมีช่องว่างทางการเติบโตอีกมาก 

เนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่นิยมมากกว่าคนไทย ซึ่งโดยส่วนตัวมองว่าหากสามารถมีส่วนแบ่งในตลาดขนมขบเคี้ยวเพียง 5% ในตลาดอเมริกาได้ก็นับว่ามีมูลค่ามหาศาลแล้ว โดยบริษัทวางเป้าหมายในการเพิ่มสัดส่วนยอดขายที่มาจากในประเทศ 50% และต่างประเทศ 50% จากปัจจุบันที่มียอดขายมาจากในประเทศ 70% และต่างประเทศ 30%

อย่างไรก็ตามบริษัทคาดการณ์ว่าในสิ้นปีนี้จะสามารถปิดยอดขายได้ที่ 50 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายที่มาจากในประเทศ 70% และต่างประเทศ 30% ก่อนจะวางเป้าหมายยอดขายในระยะยาว 2-3 ปีนับจากนี้ ด้วยการมียอดขายกว่า 100 ล้านบาท 

หน้า 32 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ | ฉบับ 3479 ระหว่างวันที่ 16-19 มิถุนายน 2562