ไทยออยล์คาดสัปดาห์นี้ ราคาน้ำมันดิบถูกกดดันจากข้อพิพาททางการค้าฯ

10 มิ.ย. 2562 | 05:11 น.

ราคาน้ำมันดิบคาดถูกกดดันจากข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศคู่ค้าที่ยังคงยืดเยื้อ

ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ51– 56เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ61 - 66เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
      ไทยออยล์คาดสัปดาห์นี้ ราคาน้ำมันดิบถูกกดดันจากข้อพิพาททางการค้าฯ         
                                        
แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบ (10-14 มิ.ย. 62)ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มถูกกดดัน เนื่องจากข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศคู่ค้า เช่น จีน และเม็กซิโกที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมันที่หดตัวลง นอกจากนี้ ปริมาณน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทั้งจากปริมาณน้ำมันดิบคงคลังที่อยู่ในระดับสูงกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปี ประกอบกับกำลังการผลิตน้ำมันในสหรัฐฯ ปรับตัวสูงสุดเป็นประวัติการณ์ อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบคาดได้รับแรงหนุนจากปริมาณการผลิตน้ำมันดิบจากประเทศซาอุดิอาระเบียและรัสเซียที่ยังคงปรับตัวลดลง 
 

ปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้:

สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนมีแนวโน้มยืดเยื้ออีกยาวนาน หลังสหรัฐฯ ขู่ว่าจะขึ้นภาษีกับสินค้านำเข้าจากจีนทั้งหมด ส่วนจีนก็ออกมาเตือนว่าจะยุติการส่งออกสินแร่หายากมายังสหรัฐฯ หากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนยกระดับความรุนแรงขึ้นโดยทางการจีนได้เปิดการแถลงข่าวและเผยแพร่เอกสารปกขาวระบุว่าจีนรักษาคำพูดมาตลอดการเจรจา 11 รอบ แต่ทางสหรัฐฯ เปลี่ยนท่าทีในการเจรจาถึง 3 ครั้งและมีการบังคับใช้มาตรการขึ้นภาษีใหม่และเงื่อนไขอื่นๆ ที่อยู่นอกเหนือสิ่งที่ตกลงกันไว้แล้ว ซึ่งผลของข้อพิพาททางการค้านี้ ทำให้กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับลดคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนในปี 2562 ลงมาอยู่ที่ระดับร้อยละ 6.2 จากคาดการณ์เดิมที่ร้อยละ 6.3

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าทั้งหมดจากเม็กซิโกในอัตราร้อยละ5 ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 10 มิ.ย. โดยมีเป้าหมายที่จะกดดันให้รัฐบาลเม็กซิโกแก้ปัญหาผู้อพยพผิดกฎหมายที่ข้ามพรมแดนเข้าสู่สหรัฐฯทั้งนี้ เม็กซิโกเป็นหนึ่งในประเทศคู่ค้าและผู้จำหน่ายน้ำมันดิบรายใหญ่ของสหรัฐฯซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อโรงกลั่นน้ำมันของสหรัฐฯ ที่ใช้น้ำมันจากเม็กซิโกเนื่องจากต้นทุนการซื้อน้ำมันดิบจะปรับตัวสูงขึ้นความตึงเครียดด้านการค้าระหว่างสหรัฐฯ และเม็กซิโก ได้เพิ่มความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งอาจทำให้ความต้องการพลังงานลดลงอย่างไรก็ดี การเรียกเก็บภาษีนำเข้าดังกล่าวมีการเลื่อนออกไป เนื่องจากสหรัฐฯ เล็งเห็นว่า เม็กซิโกมีความพยายามอย่างจริงจังและดำเนินการอย่างรวดเร็วในการแก้ไขปัญหาผู้อพยพผิดกฎหมายที่เป็นข้อกังวลของสหรัฐฯ

ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังของสหรัฐฯ ยังอยู่ในระดับสูงกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปี ย้อนหลัง โดยตัวเลขปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์ สิ้นสุดวันที่ 31 พ.ค. 62 ปรับตัวสูงขึ้น 6.8 ล้านบาร์เรล ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะปรับลดลง โดยไปแตะที่ระดับ 483.3 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับที่สูงสุดนับตั้งแต่เดือน ก.ค. 60นอกจากนี้ กำลังการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ยังคงปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยไปแตะที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 12.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งสูงขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้า 100,000 บาร์เรลต่อวัน
    อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปกมีโอกาสที่จะขยายเวลาการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบไปจนถึงสิ้นปีนี้หลังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานของซาอุดิอาระเบียเปิดเผยว่า กลุ่มโอเปกและประเทศพันธมิตรพร้อมที่จะรักษาสมดุลตลาดน้ำมันดิบในช่วงครึ่งปีหลังต่อไป โดยจะพยายามลดปริมาณน้ำมันดิบคงคลังให้ต่ำกว่าในระดับปัจจุบัน ทั้งนี้ ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของซาอุดิอาระเบียในเดือน พ.ค. 62 อยู่ที่ระดับ 9.65 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าข้อตกลงที่ระดับ 10.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน นอกจากนี้ กำลังการผลิตน้ำมันดิบของรัสเซียในช่วงวันที่ 1 - 3 มิ.ย. 62 ปรับตัวลดลงไปอยู่ที่ระดับ 10.87 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งลดลงจากเดือน พ.ค. 62 ที่ระดับ 11.11 ล้านบาร์เรลต่อวัน

ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ดัชนีราคาผู้บริโภคจีน ดัชนีราคาผู้บริโภคสหรัฐฯ ยอดค้าปลีกสหรัฐฯ และดุลการค้าประเทศจีน

สรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา (3- 7 มิ.ย.62)

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับเพิ่มขึ้น0.49เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 53.99เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ในขณะที่ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับลดลง1.20เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 63.29เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบปิดเฉลี่ยอยู่ที่ 61.03เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล หลังถูกกดดันจากความกังวลในการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศคู่ค้า เช่น จีน และเม็กซิโก ส่งผลให้ดัชนีภาคการผลิตสหรัฐฯ ในเดือน พ.ค. 62 ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 50.5 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ก.ย. 52 นอกจากนี้ อุปทานน้ำมันดิบในสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น โดยกำลังการผลิตน้ำมันดิบปรับสูงขึ้นแตะระดับสูงสุดที่ 12.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบยังได้รับแรงหนุนจากการส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

ที่มา : บทวิเคราะห์สถานการณ์น้ำมันประจำสัปดาห์ โดย บมจ.ไทยออยล์ ฉบับวันที่ 10 มิถุนายน 2562