ทำเลรามคำแหงเดือด ‘ดิ ออริจิ้น’ ปักหมุดจุดตัดมีนบุรี

10 มิ.ย. 2562 | 00:00 น.

ตลาดคอนโดฯแนวถนนรามคำแหงเดือด ครึ่งปีหลังนี้ดีเวลอปเปอร์แห่เปิดคึกคัก ออริจิ้นส่งไฟติ้งแบรนด์ดิ ออริจิ้นปักหมุดโครงการแรกใกล้สถานีจุดตัดมีนบุรี ขายยูนิตละ 1.29 ล้านบาท ด้านไรส์แลนด์ยึดจุดตัดลำสาลี

นับแต่โครงการรถไฟฟ้า 3 เส้นใหม่ที่มีแนวเส้นทางกรุงเทพฯโซนตะวันออกเริ่มก่อสร้าง ซึ่งมีรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงมีนบุรี-ศูนย์วัฒนธรรมฯ, รถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สมุทรปราการ และรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วง แคราย-มีนบุรี ปลุกตลาดที่อยู่อาศัยในแนวรถไฟฟ้าทั้ง 3 เส้นทางขยายตัวมากขึ้น โดยเฉพาะย่านรามคำแหง พบว่าในปี 2561 ที่ผ่านมา บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แห่เปิดขายโครงการคอนโดมิเนียมเพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อาทิ บมจ.ศุภาลัย ปักหมุดโครงการศุภาลัย เวอเรนด้า รามคำแหง ที่ย่านหัวหมาก บมจ.พฤกษา เปิดโครงการ เดอะทรี หัวหมาก และ นิช โมโน รามคำแหง ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นคอนโดมิเนียมไฮไรส์ทั้งหมด

ทำเลรามคำแหงเดือด ‘ดิ ออริจิ้น’ ปักหมุดจุดตัดมีนบุรี

ในปีนี้ยังมีผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำอีกหลายบริษัทวางแผนเตรียมรุกพื้นที่ใหม่บนย่านทำเลรามคำแหง ทั้งนี้ย่านที่คาดว่าการแข่งขันค่อนข้างสูงมี รามคำแหงตอนต้น (ตัดกับพระราม 9) หัวหมาก และลำสาลี ล่าสุดกลุ่มไซมิส เปิดตัวโครงการไซมิส พระราม 9 ราคาเริ่มต้น 2.9 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีบริษัท ไรส์แลนด์ ประเทศไทยฯ ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาฯรายใหญ่จากฮ่องกงมีแผนจะเปิดโครงการใหม่ใกล้สถานีจุดตัดหรืออินเตอร์ เชนจ์ของสายสีเหลือง และสายสีส้มที่ สถานีลำสาลี และยังมีบมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ วางแผนเปิดตลาดใหม่ที่ทำเลย่านมีนบุรี ใกล้สถานีอินเตอร์เชนจ์ที่มีนบุรี ประมาณเดือนกรกฎาคม 2562 นี้

 

นายอภิสิทธิ์ สุนทรชูเกียรติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีหลังนี้จะนำแบรนด์ใหม่ ดิ ออริจิ้น ซึ่งเป็นไฟติ้งแบรนด์ลุยตลาด โดยวางแผนเปิดขาย 6 โครง การ 6 ทำเล มี สุขุมวิท, พหล โยธิน, รามอินทรา, รามคำแหง, รัชดาฯ และลาดพร้าว มูลค่าโครงการรวม 7,000 ล้านบาท สำหรับในราคาขายอยู่ระหว่าง 7 หมื่นบาท-1 แสนบาทต่อตารางเมตร ถือเป็นระดับราคาที่คนเริ่มต้นทำงานหรือคนทำงานที่มีรายได้เดือนละ 2-4 หมื่นบาทสามารถซื้อได้ เฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นบ้านหลังแรกยิ่งสามารถซื้อได้ไม่ยาก เพราะเงินดาวน์แค่ 10% และสามารถผ่อนดาวน์ได้ 24 งวด จึงสอดคล้องกับกลุ่มที่เริ่มต้น

สำหรับโครงการแรกจะเปิดตัวประมาณเดือนกรกฎาคมนี้ดิ ออริจิ้น รามคำแหง อินเตอร์เชนจ์อยู่ที่รามคำแหง 209 เป็นคอนโดฯ ไฮไรส์สูง 31 ชั้น จำนวน 1,007 ยูนิต มีขนาดห้องให้เลือก 23,25,30,35 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้นยูนิตละ 1.29 ล้านบาท ผ่อนเดือนละ 6,000-7,000 บาท ใกล้เคียงกับราคาเช่าอพาร์ตเมนต์

 

ในตลาดคอนโดฯกลุ่มไฟต์ติ้ง แบรนด์ จัดเป็นตลาดใหญ่แต่คู่แข่งก็มีมากเช่นกัน กลยุทธ์ของ ดิ ออริจิ้น ที่จะสร้างความแตกต่างคือ เน้นการออกแบบและบริการ วันนี้ทีมดีไซเนอร์ของบริษัทเปลี่ยนวิธีคิดการออกแบบใหม่ ให้ความสำคัญกับจุดเล็กๆ ที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าเป้าหมายคือคนเจนวาย และเจนซี เช่น จะมีปลั๊กชาร์จมือถือที่หัวเตียง หรือที่วางมือถือในห้องนํ้า เพื่อเล่นเพลงระหว่างอยู่ในห้องนํ้า หรือตู้เสื้อผ้าในคอนโดฯที่สามารถเก็บเสื้อผ้าได้มากขึ้น ด้านบริการก็มีแม่บ้านทำความสะอาด รับสแกนเอกสาร เป็นต้น

วันนี้ย่านรามคำแหงตอนต้นมีโครงการคอนโดฯเปิดใหม่ค่อนข้างมาก การที่ดิ ออริจิ้น ไปเปิดขายที่อินเตอร์เชนจ์ มีนบุรี ถือเป็นการเปิดตลาดบลูโอเชียน ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์หลักของบริษัทฯ เพราะตลาดนี้คู่แข่งมีไม่มาก

ด้านนายสุรเชษฐ กองชีพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟีนิกซ์ พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ แอนด์ คอนซัลแทนซี่ จำกัด มองว่าบนถนนรามคำแหงช่วงต้นถือเป็นทำเลที่มีการเปิดตัวคึกคัก ราคาขายคอนโดฯในย่านนี้เฉลี่ยอยู่ที่ราคา 7.5 หมื่นบาทต่อตารางเมตร ถึงมากกว่า 8 หมื่นบาท หรือยูนิตละประมาณ 2.5 ล้านบาท โดยมีอัตราการขายเกือบ 80% เพราะในพื้นที่มีมหาวิทยาลัยขนาดใหญ่ 2 แห่งคือ มหาวิทยาลัยรามคำแหง และเอแบค นอกจากนี้ยังมีศูนย์การค้าและพลาซาหลายแห่ง เมื่อมีการก่อสร้างรถไฟฟ้าเกิดขึ้น เจ้าของที่ดินนำที่ที่เคยให้เช่าขายของมาขายกับบริษัทอสังหาริมทรัพย์แทน

 

หน้า 25-26 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ  ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,477 วันที่ 9-12 มิถุนายน 2562 

ทำเลรามคำแหงเดือด ‘ดิ ออริจิ้น’ ปักหมุดจุดตัดมีนบุรี