สิ่งทอไทย 3 แสนล้านสะเทือน จีนหนีเทรดวอร์ตีตลาดเอเชีย
สัมภาษณ์
สินค้าสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มเป็นหนึ่งในกลุ่มสินค้าส่งออกสำคัญของไทย ปี 2561 มีการส่งออกรวมกัน 9,605 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (3.08 แสนล้านบาท) ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 6% ส่วนช่วง 4 เดือนแรกปีนี้มีการส่งออกรวมกัน 3,076 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ(9.7 หมื่นล้านบาท) ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนเพียง 0.2% แยกเป็นการส่งออกสิ่งทอ 2,278 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัวลดลง 1.4% และเครื่องนุ่งห่ม 798 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัวเพิ่มขึ้น 3% อย่างไรก็ดีในส่วนของการส่งออกสิ่งทอรายการสำคัญได้แก่ ผ้าผืน เส้นใยสังเคราะห์ เส้นด้าย สถาน การณ์น่าห่วง เพราะขณะนี้มีสินค้าจากจีนที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า ถูกสหรัฐฯเก็บภาษีเพิ่มเป็น 25% ส่งออกมาจำหน่ายในเอเชียและอาเซียนซึ่งเป็นตลาดส่งออกสำคัญของไทยมากขึ้นทุกขณะ
สิ่งทอจีนทะลักแย่งตลาด
นายยุทธนา ศิลป์สรรค์วิชช์ นายกสมาคมอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มไทย เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า แม้เวลานี้สินค้าเครื่องนุ่งห่ม หรือการ์เมนต์(รายการสำคัญได้แก่ เสื้อผ้าสำเร็จรูป เสื้อผ้าเด็กอ่อน ชุดชั้นในสตรี ถุงเท้า ถุงน่อง และอื่นๆ) จะยังไม่อยู่ในกลุ่มสินค้าที่สหรัฐฯขึ้นภาษีสินค้าจีนเป็น 25% แต่ถืออยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่สหรัฐฯขู่จะขึ้นภาษีสินค้าจีนอีก 3,805 รายการ มูลค่ากว่า 3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยเตรียมจัดประชาพิจารณ์ในเดือนมิถุนายนนี้
ยุทธนา ศิลป์สรรค์วิชช์
“หากสหรัฐฯประกาศขึ้นภาษีสินค้าการ์เมนต์จากจีนในล็อตใหม่มูลค่า 3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จะทำให้ผู้นำเข้าของสหรัฐฯ ต้องเตรียมจัดหาสินค้าจากประเทศอื่นเพื่อทดแทนสินค้าจีนเพิ่มขึ้น ด้านหนึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อการส่งออกการ์เมนต์ไทยที่มีโอกาสส่งออกไปสหรัฐฯได้เพิ่มขึ้น แต่อีกด้านหนึ่งจะเป็นปัจจัยลบต่อการส่งออกสิ่งทอต้นนํ้าของไทยในรายการหลักๆ ได้แก่ ผ้าผืน เส้นใย เส้นด้ายไปยังตลาดอาเซียน และเอเชีย ซึ่งเป็นตลาดสำคัญได้ลดลง เนื่องจากเมื่อการ์เมนต์จีนส่งออกไปสหรัฐฯ ได้ลดลง โรงงานสิ่งทอต้นนํ้าในกลุ่มดังกล่าวของจีนจะขายวัตถุดิบให้กับโรงงานการ์เมนต์ในจีนได้ลดลง ต้องหาตลาดระบายสินค้าในกลุ่มดังกล่าวออกนอกประเทศมากขึ้น”
สอดคล้องกับข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์โดยความร่วมมือของกรมศุลกากรระบุ การส่งออกผ้าผืนของไทยช่วง 4 เดือนแรกปีนี้มีมูลค่า 453 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัวลดลง 5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตลาดที่ส่งออกได้ลดลง อาทิ เวียดนาม -7% บังกลาเทศ -25% ฟิลิปปินส์ -2% อินเดีย -14%, เส้นใยประดิษฐ์ ส่งออกมูลค่า 315 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัวลดลง 3% ตลาดที่ส่งออกได้ลดลง อาทิ อินโดนีเซีย -6% เวียดนาม -10% บังกลาเทศ -42% ญี่ปุ่น -8% , ด้ายฝ้าย ส่งออกมูลค่า 35 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลง 33% ตลาดที่ส่งออกได้ลดลง อาทิ เกาหลีใต้ -31% เวียดนาม -41% บังกลาเทศ -78% ลาว -11%
“การส่งออกการ์เมนต์ทั้งปีนี้ยังลุ้นจะขยายตัวได้ที่ 5% ส่วนสิ่งทอมีแนวโน้มการส่งออกลดลง เนื่องจากมีสินค้าจีนทะลักเข้ามาขายแข่งในตลาดอาเซียนและเอเชียเพิ่มขึ้น ซึ่งจะกระทบทำให้สินค้าสิ่งทอไทยถูกสินค้าจีนแย่งตลาดมากขึ้น รวมถึงจะมีสินค้าสิ่งทอจากเวียดนามที่แม้อุตสาหกรรมสิ่งทอเขาจะเกิดทีหลังไทย แต่จะได้เปรียบ เพราะอุตสาหกรรมของเขาจะเป็นการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่กว่า ทำให้มีต้นทุนการผลิตต่อหน่วยที่ตํ่ากว่า” มาแย่งตลาด
ชี้ทางรอดระยะยาว
สิ่งที่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมสิ่งทอของไทยต้องเร่งปรับตัวได้แก่ การปรับเปลี่ยนเครื่องจักรโดยนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาช่วยพัฒนาในการผลิตสินค้า และช่วยลดต้นทุนให้มากขึ้น การพัฒนาในการผลิตสินค้าใหม่ ๆ ที่มีมูลค่าเพิ่มสูง โดยมองเทรนด์ตลาดให้ออก เช่น ตลาดสหภาพยุโรป ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 3 ของการส่งออกสิ่งทอและการ์เมนต์ของไทยกำลังให้ความนิยมสิ่งทอจากวัตถุดิบทางการเกษตร เช่น จากใยสับปะรด ใยกันชง ใยกล้วย ใยหมาก เป็นต้น ที่ช่วยลดปริมาณก๊าซเรือนกระจก(คาร์บอน ฟุตพรินต์) รวมถึงสินค้ากรีน แอนด์ อีโค (สินค้ารักษ์โลก)
นายยุทธนาฝากถึงรัฐบาลใหม่ให้เร่งผลักดันการเจรจาความตกลงการค้าเสรี(เอฟทีเอ)กับสหภาพยุโรป(อียู) เพราะเวลานี้เวียดนามคู่แข่งสำคัญได้บรรลุความตกลงเอฟทีเอกับอียูแล้ว(คาดความตกลงจะมีผลบังคับใช้ไตรมาส 3 ของปีนี้)จะยิ่งทำให้สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มของไทยส่งออกไปอียูเสียเปรียบเวียดนามมากขึ้น จากภาษีนำเข้าที่จะลดเป็น 0% ในอีก 3 ปีข้างหน้า ขณะที่สินค้าจากไทยยังเสียภาษีนำเข้าเฉลี่ยที่ 12.5%
“ปัจจุบันสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มของไทยมีส่วนแบ่งตลาดโลกประมาณ 2.8% อยู่อันดับที่ประมาณ 20 ของโลก ส่วนอันดับ 1 คือ จีน ส่วนแบ่งตลาด 38% อันดับ 2 เวียดนามส่วนแบ่ง 11% ในส่วนของจีนแม้จะได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า แต่สินค้าของจีนก็ยังเป็นอันดับ 1 ของโลกในทุกตลาดยากที่ใครจะแซงได้”
หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,477 วันที่ 9-12 มิถุนายน 2562
