สหพัฒน์ แตะเบรกลงทุน หวั่นรบ.ใหม่ไร้เสถียรภาพ

05 มิ.ย. 2562 | 06:50 น.

“บิ๊กสหพัฒน์” แตะเบรกลงทุน ลุ้นโฉมหน้ารัฐบาลใหม่ ชี้จัดตั้งรัฐบาลช้า-ไร้เสถียรภาพกระทบกราวรูด นักลงทุนโยกไปประเทศเพื่อนบ้าน เศรษฐกิจซบ กำลังซื้อทรุด แนะเร่งฟื้นความเชื่อมั่น คาดภาพรวมครึ่งปีหลังแค่ทรงตัว

นายบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ เปิดเผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจและกำลังซื้อของไทยในครึ่งปีหลังคาดว่าจะแค่ทรงตัว หลังจากที่พบว่าในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาหลังการเลือกตั้งเกิดขึ้น ทุกอย่างค่อนข้างซบเซา ทั้งนี้เป็นผลมาจากการจัดตั้งรัฐบาลที่ยังไม่แล้วเสร็จ ทำให้ประเทศสูญเสียโอกาสด้านการลงทุน นักลงทุนหันไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านทั้ง อินโดนีเซีย เวียดนาม และเมียนมา ค่อนข้างมาก ทั้งนี้ยอมรับว่าเมื่อจัดตั้งรัฐบาลแล้วเสร็จ แต่หากรัฐบาลใหม่ไม่มีเสถียรภาพก็จะกระทบต่อความเชื่อมั่นในภาพรวมของประเทศ

“ภาพรวมเศรษฐกิจและกำลังซื้อของประเทศจะกลับมาหรือไม่ต้องขึ้นอยู่กับโฉมหน้าของคณะรัฐบาลชุดใหม่ด้วยว่าจะสวยงามหรือไม่ หากออกมาดีสภาพเศรษฐกิจก็จะดี ซึ่งหน้าตารัฐบาลที่ดีจะต้องมีความมั่นคง สามารถอยู่ได้นาน ซึ่งเรื่องนี้มีตัวแปรอยู่ค่อนข้างมาก หากโฉมหน้ารัฐบาลเป็นชุดเดิมในแง่ของการลงทุนและนโยบายก็จะต่อเนื่อง แต่หากเป็นรัฐบาลโฉมใหม่ก็คงต้องวัดประสบการณ์และผลการทำงานก่อนหน้าเข้ามาเสริมด้วย”

สหพัฒน์  แตะเบรกลงทุน  หวั่นรบ.ใหม่ไร้เสถียรภาพ

ทั้งนี้นโยบายแรกๆ ที่ภาครัฐต้องให้ความสำคัญในการเข้ามาแก้ไข ได้แก่ การกระตุ้นกำลังซื้อของภาคประชาชน หรือกลุ่มรากหญ้า ด้วยการอัดฉีดเม็ดเงินในระบบ และเรื่องค่าเงินบาท เพื่อให้ง่ายต่อการส่งออก โดยค่าเงินบาทอ่อนตัวลงมาอยู่ที่รับ 32 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯถือเป็นอัตราแลกเปลี่ยนที่เหมาะสมและดีต่อภาคการส่งออกของไทย

“ในสภาวะเศรษฐกิจที่ค่อนข้างชะลอตัวไปทั่วโลก ในส่วนของการปรับตัวเพื่อรับมือกับสภาวการณ์ต่างๆ ของธุรกิจ ให้เรามองว่าเราก็เปรียบเสมือนรถยนต์ ที่ต้องมีทั้งเร่งสปีด ถอยหลัง และเหยียบเบรก ซึ่งแน่นอนว่าหากสภาพเศรษฐกิจดีเราก็จะใส่เกียร์เดินหน้าเต็มที่ แต่หากสภาพเศรษฐกิจไม่ดีเราก็จะใส่เกียร์ถอยหรือแตะเบรก ซึ่งโดยส่วนตัวเองตอนนี้อาจจะมีการแตะเบรกนิดๆ หน่อยๆ จากสภาพการเมืองที่ยังไม่มีเสถียรภาพ”

สหพัฒน์  แตะเบรกลงทุน  หวั่นรบ.ใหม่ไร้เสถียรภาพ

อย่างไรก็ตามแม้ว่าการจัดตั้งรัฐบาลที่จะมีขึ้นในช่วงสิ้นเดือนมิถุนายนนี้ แต่ต้องยอมรับว่าช้ากว่าที่ควรจะเป็น และจะส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจในครึ่งปีหลังทำให้การเติบโตได้แค่ทรงตัวเท่านั้น โดยในส่วนของสหพัฒน์เองคาดการณ์ว่าจะทรงตัวหรือเติบโตขึ้นเล็กน้อยจากปีก่อนที่มียอดขายราว 3 แสนล้านบาท โดยมีการปรับลดเป้าการเติบโตลง 50% จากเดิมที่วางไว้ 5-6% ทั้งในส่วนของการเติบโตและการลงทุน ทั้งนี้ต้องรอดูสถานการณ์ภายหลังมีการจัดตั้งรัฐบาลและภาพรวมการเติบโตในครึ่งปีหลังว่าจะไปทิศทางใด ถึงจะสามารถแจ้งตัวเลขการลงทุนได้อีกครั้ง

ขณะที่การลงทุนของกลุ่มสหพัฒน์ในปีนี้ ได้เตรียมแผนลงทุนในหลายโครงการ อาทิ การร่วมทุนกับโตคิว ประเทศญี่ปุ่น ลงทุนโครงการโรงแรมระดับ 4-5 ดาวขนาดกว่า 100 ห้อง และคอนโดมิเนียม ที่ศรีราชา ด้วยงบลงทุนกว่า 2,000 ล้านบาท, การร่วมมือกับโครงการคิงส์คอลเลจ วิมเบิลดัน ประเทศอังกฤษ พัฒนาโรงเรียนนานาชาติคิงส์ คอลเลจ กรุงเทพฯ ด้วยงบลงทุนกว่า 1,000 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีการลงทุนอื่นๆ ที่จะมีการลงนามความร่วมมือ (เอ็มโอยู) ภายในงานสหกรุ๊ปแฟร์ครั้งที่ 23 ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 27-30 มิถุนายนนี้ ณ ไบเทค บางนาด้วย 

หน้า 1 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,476 วันที่ 6 - 8 มิถุนายน พ.ศ. 2562

สหพัฒน์  แตะเบรกลงทุน  หวั่นรบ.ใหม่ไร้เสถียรภาพ