“อภิสิทธิ์”ยกบาป7ประการ“คานธี”ข้ออ้างลาออกส.ส.

05 มิ.ย. 2562 | 04:23 น.

“อภิสิทธิ์”ลาออกจากส.ส. ยก“มหาตะมะคานธี”เขียนจดหมายถึงหลานเกี่ยวกับบาป 7 ประการ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ การเมืองที่ไม่ยึดหลักการ

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้แถลงลาออกจากส.ส. โดยระบุว่า  

"ก่อนการเลือกตั้ง ผมได้แสดงจุดยืนทางการเมืองไปยังประชาชนทั้งประเทศว่าไม่สนับสนุน ให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ การแสดงจุดยืนของผมในขณะนั้นเป็นการแสดงจุดยืนในฐานะพรรคประชาธิปัตย์ ตอนนั้น แน่นอนว่าสอดคล้องกับจุดยืนของพรรคประชาธิปัตย์ และสอดคล้องกับเป้าหมายที่พรรคเสนอต่อประชาชน ว่า ประชาชนเป็นใหญ่ ประชาธิปไตยสุจริต และเชื่อว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุด

อย่างไรก็ตาม เมื่อผลการเลือกตั้งออกมา พรรคไม่ประสบความสำเร็จ และผมตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค ผมขอบคุณประชาชน 4 ล้านคน ที่สนับสนุนจุดยืนของผมในขณะนั้น เป็นหน้าที่ของผมที่จะทำให้สิ่งที่ประชาชนสนับสนุนเป็นจริงให้ได้ ตั้งแต่การเลือกตั้งผ่านมา ก็ยังมุ่งมั่นในจุดยืน และให้สมาชิกพรรครักษาจุดยืนดังกล่าว

สิ่งที่เราประสบในช่วงการเลือกตั้ง ใช้อำนาจรัฐ อำนาจเงิน หรือ พฤติการณ์สรรหา ส.ว. แทรกซึมสื่อมวลชนบางแขนง ทำให้นิติบัญญัติทัดทานตามกติกาไม่ได้ยังมีอยู่จริง ทำให้การสืบทอดอำนาจยังมีอยู่จริง ไม่ต่างกับปี 2548 ที่ผมยืดหยัดต่อสู้กับระบอบทักษิณ ถ้านึกไม่ออกให้ไปอ่าน แอนนิมอลฟาร์ม จะเข้าใจว่า พฤติการณ์ต่อต้านอำนาจบางสิ่งบางอย่าง แต่กลับทำสิ่งเดียวกับสิ่งที่ต่อต้าน คงไม่ต้องแนะนำให้ไปอ่านหนังสือเล่มต่อไป 1984

บัดนี้ประชาธิปัตย์ มีมติสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ผมไม่เห็นด้วยกับมติดังกล่าว แต่บอกที่ประชุมแล้ว ถ้าพรรคเห็นเช่นใด สมาชิกพรรคก็ต้องเห็นด้วยเช่นนั้น ยังแอบหวังลึกๆ ว่า จะมีแก้รัฐธรรมนูญ แอบหวังว่า คนที่พรรคไปพายเรือให้จะกลับใจ

โดยเสียดายว่า โอกาสที่พรรคประชาธิปัตย์จะกลายเป็นพรรคขนาดกลาง เป็นพรรคที่เป็นกลาง เป็นฝ่ายที่ 3 อะไรที่ดีพรรคก็สนับสนุนได้ อะไรไม่ดีพรรคก็สามารถตรวจสอบ ถ่วงดุลได้ พร้อมกับเสียดายโอกาสการมีพื้นที่เริ่มต้นเล็กๆ ให้เติบโตเป็นทางสายหลักของประชาธิปไตย โดยไม่ให้ใครอ้างประชาธิปไตยมาบังหน้า เสียดายที่ประเทศไทยไม่สามารถหลุดพ้นการบีบบังคับให้เลือกข้าง กลัวเผด็จการหรืออำนาจทักษิณ

ประการแรก ขอโทษประชาชนที่เลือกประชาธิปัตย์ โดยเข้าใจว่าพรรคจะรักษาจุดยืนคำพูด

ประการที่สอง สิ่งที่ต้องทำในฐานหน้าที่ ส.ส. คือการเลือกตั้งนายกฯ คงไม่สามารถเดินเข้าไปในห้องประชุมและลงคะแนนขัดต่อพรรคได้ ผมเป็นนักการเมืองที่สนับสนุนระบอบพรรค ซึ่งทราบดีว่า นักการเมืองต้องมีวินัย แต่จะให้เดินเข้าไปสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ก็ทำไม่ได้

คนที่เสนอให้ผมงดออกเสียง ผมได้ตอบไปในที่ประชุม ว่า พรรคไม่มีหน้าที่ รักษาเกียรติภูมิของใคร การรักษาเกียรติภูมิของผมเป็นหน้าที่ของผม แต่ปัญหาจะไม่จบในวันนี้ ทุกสัปดาห์จะเผชิญกับเรื่องนี้ ที่ผ่านมา ไม่เคยอึดอัดขนาดนี้ เหมือนตอนที่ต้องลงมติให้เลื่อนการประชุมสภาครั้งที่ผ่านมา แต่ผมต้องการทำตามมติพรรค

มาถึงวันนี้ ผมเหลือทางเดียวที่ต้องรักษา ไม่ใช่แค่เกียรติภูมิผม แต่เป็นเกียรติภูมิของพรรค ตามคติพรรค ที่ต้องรักษาคำพูด ผมเชื่อว่าการยึดมั่นอุดมการณ์และหลักการถึงจะเดินต่อได้ โดยมหาตะมะคานธี ได้เขียนจดหมายถึงหลาน ว่า บาป 7 ประการ  ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ การเมืองที่ไม่ยึดหลักการ

ผมตัดสินใจลาออกจาก ส.ส.พรรค ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป"

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มหาตมะคานธี เขียนไว้ในหนังสือเชิงอัตชีวประวัติเรื่อง “The Story of My Experiments with Truth” โดย เรืองอุไร กุศลาสัย ปราชญ์ไทยผู้เชี่ยวชาญภารตวิทยา และภาษาฮินดี แปลหนังสือเล่มนี้ไว้เป็นภาษาไทยว่า “ข้าพเจ้าทดลองความจริง : อัตชีวประวัติของมหาตมะ คานธี” โดยได้ถอดความ “บาป 7 ประการในทัศนะคานธี” ไว้เป็นภาษาไทย คือ

เล่นการเมืองโดยไม่มีหลักการ 
หาความสุขสำราญโดยไม่ยั้งคิด 
ร่ำรวยเป็นอกนิษฐ์โดยไม่ต้องทำงาน 
มีความรู้มหาศาลแต่ความประพฤติไม่ดี 
ค้าขายโดยไม่มีหลักศีลธรรม 
วิทยาศาสตร์เลิศล้ำแต่ไม่มีธรรมแห่งมนุษย์ 
บูชาสูงสุดแต่ไม่มีความเสียสละ