สสว.ชี้ดัชนี TSSI เม.ย.หดเหลือ 100.0

04 มิ.ย. 2562 | 05:12 น.

สสว.เผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการเอสเอ็มอีภาคการค้าและบริการในเดือนเมษายนลดลงเหลือ 100.0 จากเดือนมีนาคม เหตุองค์ประกอบด้านยอดจำหน่าย ต้นทุนและกำไรเป็นหลัก

                รายงานข่าวจากสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยถึงผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการภาคการค้าและบริการ (TSSI) ประจำเดือนเมษายน 2562 ว่า จากการสำรวจกลุ่มตัวอย่างผู้ประกอบการภาคการค้าและบริการของเอสเอ็มอี (SMEs) ทั่วประเทศ จำนวน 1,400 ตัวอย่าง พบว่า  ดัชนี TSSI ประจำเดือนเมษายน 2562 อยู่ที่ระดับ 100.0 ปรับตัวลดลงจากเดือนมีนาคม 2562 ที่อยู่ระดับ 101.4 อย่างไรก็ตามความเชื่อมั่นที่ลดลงยังคงมีค่าอยู่ในระดับฐานที่ 100 สะท้อนถึงผู้ประกอบการมีความเชี่อมั่นต่อการดำเนินธุรกิจอยู่ในระดับปานกลาง

 สสว.ชี้ดัชนี TSSI เม.ย.หดเหลือ 100.0

                ทั้งนี้  ดัชนี TSSI เดือนเมษายน 2562 ปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนหน้า จากองค์ประกอบด้านยอดจำหน่าย ต้นทุนและกำไรเป็นหลัก โดยปัจจัยเสี่ยงยังคงเกิดจากกำลังซื้อของประชาชนระดับฐานราก คู่แข่งที่เพิ่มมากขึ้นในธุรกิจ และตามเทคโนโลยีไม่ทัน  ขาดทักษะหรือความรู้ในการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ในการขายสินค้า  ความไม่แน่นอนทางการเมือง  อีกทั้งภัยแล้งที่จะกระทบกับภาคการเกษตร ประชาชนส่วนใหญ่ยังคงระมัดระวังการใช้จ่าย โดยใช้จ่ายเท่าที่จำเป็น

สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการภาคการค้าและบริการของ SME จำแนกตามสาขาธุรกิจ  โดยสาขาธุรกิจที่มีความเชื่อมั่นต่อสถานการณ์ทางธุรกิจโดยรวมอยู่ในเกณฑ์ดี คือ ค่าดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นและมีค่าเกินค่าฐานที่ 100 ได้แก่ สาขาค้าปลีกสถานีบริการน้ำมัน กิจกรรมอสังหาริมทรัพย์ บริการด้านสุขภาพและความงาม การท่องเที่ยว ด้านการ ขนส่งมวลชน โรงแรม/เกสต์เฮาส์/บังกะโล และร้านอาหาร/ภัตตาคาร

 สสว.ชี้ดัชนี TSSI เม.ย.หดเหลือ 100.0

                ด้านดัชนี TSSI คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า ความเชื่อมั่นปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 102.4 ผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น โดยมีปัจจัยบวกจากในช่วงเดือนกรกฎาคมมีช่วงวันหยุดยาว เป็นปัจจัยกระตุ้นให้มีการใช้จ่ายและเดินทางไปท่องเที่ยวสูงกว่าปกติ อีกทั้งความคาดหวังว่าการเมืองไทยจะไม่มีความวุ่นวาย และได้รัฐบาลมาบริหารประเทศ

ผลสำรวจความคิดเห็นของผู้ประกอบการ SME ภาคการค้าและบริการ จำนวน 1,400 วิสาหกิจทั่วประเทศ ในเรื่อง การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำมีผลต่อกิจการอย่างไร พบว่า ผู้ประกอบการมีความเห็นว่า ไม่มีผลกระทบ 14.75% โดยให้เหตุผลว่า ปกติได้จ่ายค่าจ้างมากกว่าค่าจ้างขั้นต่ำอยู่แล้ว หรือ ไม่มีการจ้างงานหรือทำกันเองภายในครอบครัว 

                ขณะที่จำนวนผู้ประกอบการที่มีความเห็นว่ามีหากมีการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำธุรกิจจะได้รับผลกระทบในด้านต้นทุนที่เพิ่มขึ้น 62.61% กำไรลดลง 10.91% ยอดขายเพิ่มขึ้น 10.59% และได้แรงงานที่มีประสิทธิภาพ 1.13% และธุรกิจจะสามารถแบกรับต้นทุนได้ 79.55% และไม่สามารถแบกรับต้นทุนได้เลย 20.45% ซึ่งผู้ประกอบการที่ตอบว่าแบกรับต้นทุนไม่ได้จะดำเนินการดังต่อไปนี้ 1.ลดการจ้างงาน ซึ่งมีผู้ตอบ 70.0%  ,2.ลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น มีผู้ตอบ 20.8และ3.ตอบอื่นๆ เช่น เพิ่มราคาสินค้า ลดต้นทุน เพิ่มชั่วโมงการทำงาน มีผู้ตอบ 9.2% โดยผู้ประกอบการมีความเห็นว่าการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำจะช่วยเพิ่มกำลังซื้อให้กับประชาชน  ซึ่งมีผู้ตอบว่าช่วยได้มาก 65.3% ช่วยได้น้อย 22.3% และไม่สามารถช่วยได้เลย 12.3%