เปิดโพย 6หุ้นเด็ด รับแรงหนุน ‘รัฐ-ฟันด์โฟลว์’ โอกาสลงทุนไตรมาส 2
กูรูมองไตรมาส 2 เป็นโอกาสลงทุน ตัวช่วยจากทุนต่างชาติ และรอรัฐบาลใหม่กดปุ่มเงิน “เอกพิทยา” มองตลาดหุ้นครึ่งหลังมีโอกาสดีดขึ้นหรือแย่ลง แนะลงหุ้นที่ได้ประโยชน์จากโครงการลงทุนรัฐ ด้านบล.ไทยพาณิชย์ฯ เชียร์ 2 เซ็กเตอร์ “โครง สร้างพื้นฐาน-กลุ่มเฮลธ์แคร์”ชู 6 หุ้นเด่น STEC SC ITD WHA ROJNA และ WHA
นสพ. ฐานเศรษฐกิจ จัดเสวนาในหัวข้อ “เจาะหุ้นเด็ด: ลงทุนอย่างไรให้ปัง” เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2562 ที่ผ่านมาโดยเชิญ 2 กูรูตลาดทุน นายเอกพิทยา เอี่ียมคงเอก กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน เอกการลงทุน จำกัดและนายสิทธิชัย ดวงรัตนฉายา ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ไทยพาณิชย์ จำกัด มาร่วมแลกเปลี่ยนมุมมอง และแนะการลงทุนในภาวะที่ไทยกำลังจะได้รัฐบาลใหม่
นายเอกพิทยา เอี่ยมคงเอก กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน เอกการลงทุน จำกัด กล่าวว่ามองแนวโน้มตลาดหุ้นจากนี้ไปถ้าจะดีก็ดีเลย ถ้าจะแย่ก็แย่มาก ดังนั้นช่วงที่ตัดสินคือไตรมาส 2 นี้ กลยุทธ์จึงแนะให้ลงในช่วงนี้ก่อนหรือ “ตีหัวเข้าบ้านก่อน” เพราะการลงในหุ้นช่วงนี้ยังมีเงินจากต่างชาติเข้ามาช่วย สะท้อนจากตลาดหุ้นไทยปิดตลาดเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคมที่ผ่านมา มูลค่าการซื้อขายพุ่งกว่า 2 แสนล้านบาท ซึ่งสะท้อนว่าต่างชาติยังสนใจตลาดหุ้นไทย ถ้ามีโอกาสจะเข้ามาซื้อเพิ่ม ขณะที่กองทุนในประเทศแนวโน้มอาจไม่เข้ามาลงทุนมากเหมือนในอดีต 2 เหตุผลคือ 1. กบข. ข้าราชการลงทุนน้อย เกษียณมากขึ้น เมื่อเกษียณก็ดึงเงินออกมา 2. สถาบันในประเทศเช่นกอง ทุน LTF/ RMF รัฐบาลยังสนับสนุนเหมือนเดิมไหม ถึงแม้สนับสนุนก็มีแนวโน้มไม่ดีเหมือนเดิม
“กลยุทธ์ผมคือ ตีหัวเข้าบ้านก่อน รอบนี้เป็นรอบแรก หลังจากนั้นถ้าตลาดหุ้นขึ้นไปไม่ไหวจะลงแรง ถ้าไหวจะยาวเลย ส่วนจะลงหุ้นกลุ่มไหนอย่างไร ต้องเป็นเซ็กเตอร์ที่ได้ประโยชน์จากโครงการภาครัฐ ไม่ได้รับผลจากการถูกคุมราคา เช่น หุ้นกลุ่มโรงพยาบาลที่จะถูกคุมราคายา หรือหุ้นลีสซิ่งที่จะถูกคุมเพดานดอกเบี้ย สำคัญต้องเลือกหุ้นให้ถูก เพราะจังหวะซื้อผิด ถ้าเลือกถูกยังได้กำไร” นายเอกพิทยา กล่าว
สำหรับเซ็กเตอร์แนะหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง เลือก CK (บมจ.ช.การช่าง), ITD (บมจ.อิตาเลียนไทย), STEC (บมจ.
ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น) และ WHA (บมจ.ดับบลิวเอชเอ) จากผลของสถาน การณ์สงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน กดดันให้จีนย้ายฐานผลิตมายังไทย อีอีซี (ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก)
“เชียร์หุ้น 4 ตัวนี้ เพราะ 1.ราคาไม่ได้ขึ้นมาก่อนหน้านี้ 2. เป็นหุ้นที่มีการกดปุ่มมาจากโครง การภาครัฐ คาดจะให้ผลตอบ
แทนดี ภายในปีนี้น่าจะทำกำไรได้ถึง 20% แต่หากยังไม่ชอบหุ้น 4 ตัวนี้ แนะเลือกหุ้นที่เป็นนโยบายภาครัฐ เพราะสถานการณ์นี้ต้องพึ่งเม็ดเงินจากภาครัฐเท่านั้น ไม่มีทางว่ากระตุ้นเศรษฐกิจดีแล้วคนจะใช้เงิน”
นายสิทธิชัย ดวงรัตนฉายา ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)ไทยพาณิชย์ จำกัด กล่าวว่า ตนมองว่า 2 เซ็กเตอร์ที่เป็นโอกาสลงทุน คือ หุ้นในกลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) ที่มีโครงการขนาดใหญ่ในมือ โครงการรถไฟฟ้าสายสีต่างๆ (สายสีม่วง สายสีแดง สายสีส้ม) ทางด่วนและโครงการสุวรรณภูมิเฟส 2 ที่กำลังจะเบิกจ่ายกว่า 6 หมื่นล้านบาท โครงการอู่ตะเภา 2.9 แสนล้านบาท ฯลฯ และทางคู่มูลค่ากว่า 4.4 แสนล้านบาท รวมแล้วมีมูลค่ามหาศาล
และได้ประโยชน์จากการที่รัฐเตรียมเปิดช่องให้มีการก่อหนี้เพื่อลงทุนในงบประมาณเพิ่ม จากเพดานเดิม 5% เป็น 8% ของจีดีพี ส่งสัญญาณถึงการลงทุนของภาครัฐ และตัวเลขการลงทุนโดยตรงของต่างประเทศ หรือ FDI โดยเฉพาะจากจีน และการที่จีนชนะการประมูล เข้ามาร่วมทุนกับบริษัทไทยมากขึ้น ทำให้หุ้นที่อยู่แถว 2 ในกลุ่มอินฟราสตรักเจอร์ มีโอกาสและน่าสนใจขึ้น เช่น NWR (บมจ.เนาวรัตน์พัฒนการ) จึงอยากให้นักลงทุนติดตาม อาจทำกำไรตั้งแต่ครึ่งหลังถึงปีหน้า”
อีกกลุ่มที่น่าสนใจคือ กลุ่มเฮลธ์แคร์ จากโรคระบาดและจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้น เป็นหุ้นที่มีโอกาสเติบโต แม้ในไตรมาส 1/2562 ราคาหุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์จะปรับตัวลง แต่ผลประกอบการไตรมาส 1 ทำให้คลายความกังวล ส่วนในไตรมาส 2/2562 ผลประกอบการ QoQ อาจชะลอลงแต่ในแง่การเติบโต รายได้ ในครึ่งปีหลังยังเป็นขาขึ้น ขณะหุ้นหลายตัวที่เป็นหุ้นเล็กและขาดทุนตั้งแต่ครึ่งปีหลังของปีที่แล้ว จน valuation ตํ่ามาก คาดว่าผลประกอบที่เหลือในปีนี้จะฟื้นตัว
หุ้นกลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน เลือก STEC (บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น) เป็นหุ้นที่ทำกำไร จากตัวผลประกอบการและโครงสร้างพื้นฐานที่รัฐกำลังจะทุ่มจากการก่อหนี้เพดานเป็น 8%, หุ้น CK (บมจ. ช.การช่าง) เหมาะสำหรับการลงทุน
ยาว ส่วนหุ้นโรงพยาบาล เลือก CHG (บมจ.โรงพยาบาลจุฬารัตน์) มี valuation ตํ่าสุดในกลุ่มโรงพยาบาลไม่แพง ขณะที่จำนวนผู้ป่วยนอกเป็นผู้ป่วยในมากขึ้น
ส่วนหุ้นกลุ่มเรียลเอสเตต เลือกหุ้น ROJNA (บมจ.สวนอุตสาหกรรมโรจนะ) เพราะมีตัวแลนด์แบงก์ และการเข้ามาของนักลงทุนในช่วง 2 เดือนแรกที่มีเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยถึง 110% และอานิสงส์จากการจัดตั้งรัฐบาลจะยิ่งเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน
กูรูทั้ง 2 ยังเห็นสอดคล้องกัน สำหรับการลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงานว่า ช่วงนี้ควรเลี่ยงไปก่อนจนกว่าสถานการณ์โลกจะดีขึ้น โดยต้องติดตามว่ากลุ่มโอเปกจะลดกำลังการผลิตลงเพื่อหนุนให้ราคาปรับขึ้นหรือไม่ ขณะที่นายเอกพิทยา มองว่ากลุ่มพลังงานเป็นคอมมอดิตี อ้างอิงกระแสโลกขณะนี้มีเรื่องของสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน ทำให้การบริโภคนํ้ามันโลกลดลง ส่งผลต่อราคาหุ้น ไม่น่าสนใจ
หน้า 17-18 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับ 3475 วันที่ 2-5 มิถุนายน 2562
