เจนเนอรัลฯเล็งขยายตลาดยุโรป-อเมริกา

05 มิ.ย. 2562 | 08:32 น.

เจนเนอรัล เปิดตัวน้องใหม่ “DEEP” เครื่องดื่มบูสเตอร์แบบช็อต เอาใจคนรักสุขภาพ พร้อมใช้เวที THAIFEX หาลูกค้าใหม่ในต่างประเทศ พร้อมขยายตลาดในยุโรป-อเมริกา มั่นใจดันยอดขายทั้งปีโต 50-60%

นายพงศกร พงษ์ศักดิ์ ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการ บริษัท เจนเนอรัล เบฟเวอร์เรจ จำกัด ผู้ผลิตเครื่องดื่มแบรนด์ อีฟ, วิตอะเดย์, ไทยเท , ดีเสิร์ตโตะ ฯลฯ เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า บริษัทเตรียมเปิดตัวแบรนด์น้องใหม่ “DEEP” ภายใต้คอนเซ็ปต์ Natural Booster ในรูปแบบของ Shot ที่ตอบโจทย์คนรักสุขภาพ โดยเน้นสมุนไพรขิงเป็นส่วนประกอบหลักร่วมกับขมิ้น พรุนและคอลลาเจน พร้อมกับวางจำหน่ายทั่วไปในเร็วๆ นี้ ขณะที่แบรนด์นํ้ามะพร้าวอีฟ (IF) จะเปิดตัวนวัตกรรมในหมวด Coconut Plus Series ประกอบไปด้วย นํ้ามะพร้าวพลัสชิ้นเนื้อ นํ้ามะพร้าวพลัสคอลลาเจน และนํ้ามะพร้าวพลัสสมุนไพรขิง ภายในงาน THAIFEX-World of Food Asia 2019 ซึ่งเป็นเวทีใหญ่ที่นำเสนอสินค้าไทยสู่ตลาดสากล

 

“เป้าหมายการร่วมงาน THAIFEX 2019 ปีนี้ ยังคงเน้นการหาลูกค้าใหม่ในประเทศใหม่ และรักษาลูกค้าปัจจุบันให้ตลาดแข็งแกร่งรวมถึงผลิตสินค้าใหม่เพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดและตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งปัจจุบันเจนเนอรัล เบฟเวอร์เรจ กระจายผลิตภัณฑ์ไปยังประเทศต่างๆในทวีปเอเชีย กลุ่มประเทศ ASEAN เอเชียตะวันออก และปีนี้มีแผนขยายตลาดไปสู่ทวีปยุโรปและอเมริกาเพิ่มขึ้นด้วย”

เจนเนอรัลฯเล็งขยายตลาดยุโรป-อเมริกา

พงศกร พงษ์ศักดิ์

สำหรับคอนเซ็ปต์ของบูธเจนเนอรัล ที่นำเสนอภายในงาน THAIFEX 2019 ปีนี้มีขึ้นภายใต้แนวคิด Art Gallery โดยวางผลิตภัณฑ์แต่ละแบรนด์ให้เป็นเหมือนผลงานศิลปะที่นอกจากผู้เยี่ยมชมงานสามารถชมได้ 360 องศาแล้ว ยังสามารถชิมรสชาติได้อีกด้วย โดยแบรนด์ต่างๆ จะนำเสนอสินค้าไฮไลต์อาทิ อีฟ เครื่องดื่มนํ้ามะพร้าวแท้และนํ้าผลไม้ผสมวิตามิน, วิตอะเดย์ เครื่องดื่มวิตามินช่วยบำรุงร่างกาย, ไทยเท เครื่องดื่มสไตล์ไทยผสมวุ้นมะพร้าว และดีเสิร์ต โตะ ขนมหวานในรูปแบบดื่ม ได้เคี้ยวสนุกกับวุ้นมะพร้าว และน้องใหม่ Deep เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพแบบ Shot

ด้านกลยุทธ์การทำตลาดในปีนี้บริษัทเน้นการ นำเสนอสินค้าใหม่ออกสู่ตลาดอีก 2-3 แบรนด์ทั้งใน และต่างประเทศเพื่อตอบ โจทย์ความต้องการของลูกค้า ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีพาร์ต เนอร์ในการช่วยกระจายสินค้าและเจาะตลาดใหม่ๆ ที่แข็งแรง และตรงกับความต้องการของบริษัทและพอร์ตโฟลิโอที่มีอยู่

อย่างไรก็ดีภาพรวมของบริษัทใน 4 เดือนที่ผ่าน มาพบว่า ในตลาดส่งออกยัง คงมีตัวเลขการเติบโตเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ตลาดในประเทศมีการเติบโตเพิ่มขึ้นราว 36% คาดว่าทั้งปีจะสามารถปิดยอดขายทั้งในและต่างประเทศให้เติบโตได้ 50-60% โดยปัจจัยที่ต้องเฝ้าระวังในครึ่งปีหลังคือ เรื่องของเศรษฐกิจ และนโยบายที่ยังไม่ชัดเจนทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ การแทรกแซงการเมืองที่มีผลต่อตลาด รวมถึงสงครามทางการค้าระหว่างประเทศจีนและสหรัฐอเมริกาล้วนส่งผลกระทบต่อทั้งสิ้น 

หน้า 32 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ | ฉบับ 3474 ระหว่างวันที่ 30 พฤษภาคม - 1 มิถุนายน 2562