กลุ่มค้าปลีกเซ็นทรัล ดีเดย์เลิกใช้ถุงพลาสติก 5 มิถุนายนนี้

28 พ.ค. 2562 | 15:16 น.

กลุ่มค้าปลีกเซ็นทรัล ผนึกกำลังจัดแคมเปญ เซ็นทรัล เลิฟ ดิ เอิร์ธ ‘เซย์ โน ทู พลาสติก แบ็กส์  ประกาศเจตนารมณ์ห้างค้าปลีกรายแรกของประเทศไทยที่ปลอดถุงพลาสติก ภายในปี 2562 เพื่อยกระดับคุณภาพสิ่งแวดล้อม ควบคู่ไปกับความรับผิดชอบต่อสังคม ตั้งเป้าลดปริมาณถุงพลาสติกกว่า 150 ล้านใบในสิ้นปีนี้

นายนิโคโล กาลันเต้ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัลรีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า ขยะพลาสติกถือเป็นปัญหาระดับโลกที่ทุกคนต้องร่วมกันแก้ไขอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะประเทศไทยที่ได้ชื่อว่า เป็นประเทศที่ปล่อยขยะพลาสติกลงทะเลมากที่สุดเป็นอันดับ 6 ของโลก ด้วยปริมาณขยะพลาสติกกว่า 2 ล้านตันต่อปี หรือประมาณ 2 แสนล้านใบ จากสถานการณ์ดังกล่าว ทำให้เซ็นทรัล รีเทลประกาศใช้มาตรการในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างจริงจังและเชิงรุกยิ่งขึ้น โดยบริษัทในเครือกลุ่มเซ็นทรัลได้ร่วมกันจัดแคมเปญ “เซ็นทรัล เลิฟ ดิ เอิร์ธ ‘เซย์ โน ทู พลาสติก แบ็กส์” แคมเปญใหญ่แห่งปีจากการรวมพลังกันของธุรกิจค้าปลีกอุปโภคและบริโภคในเครือกลุ่มเซ็นทรัล นำโดยห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล เพื่อประกาศเจตนารมณ์ที่จะเป็นห้างค้าปลีกรายแรกของประเทศไทยที่ปลอดถุงพลาสติก โดยแคมเปญจะเริ่มตั้งแต่ วันที่ 5 มิถุนายน 2562 ซึ่งเป็นวันสิ่งแวดล้อมโลก เป็นต้นไป ณ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลทุกสาขา, ห้างสรรพสินค้าเซน, ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน, ซูเปอร์สปอร์ต, บีทูเอส, ออฟฟิศเมท, ร้านค้าในกลุ่มเซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป (ซีเอ็มจี), เพาเวอร์บาย, ไทวัสดุ, บ้านแอนด์บียอนด์ และออโต้วัน โดยลูกค้าที่ร่วมปฏิเสธรับถุงพลาสติก สามารถสะสมคะแนนเดอะวัน 10 คะแนน เพื่อเป็นการขอบคุณที่ร่วมแสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ได้ทุกวัน ณ ห้างร้านที่ร่วมรายการ

กลุ่มค้าปลีกเซ็นทรัล  ดีเดย์เลิกใช้ถุงพลาสติก 5 มิถุนายนนี้

 “ในส่วนของกลุ่มค้าปลีกประเภทสินค้าบริโภคอย่างเซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์, ท็อปส์ มาร์เก็ต, ท็อปส์ ซูเปอร์สโตร์, ท็อปส์ เดลี่ และร้านมัตสึโมโตะ คิโยชิ ยกระดับการรณรงค์งดแจกถุงพลาสติกแก่ลูกค้าเพิ่มเป็นทุกวันอังคารในแต่ละสัปดาห์ หลังจากได้รับผลตอบรับอย่างดีจากการงดแจกถุงพลาสติกทุกวันที่ 4 ของเดือน โดยจำนวนลูกค้าที่ได้รับคะแนนสะสมเดอะวันพิเศษ 8 คะแนน เมื่อปฏิเสธการรับถุง หรือนำถุงผ้ามาช้อปปิ้ง มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง”

สำหรับในวันที่ 5  มิถุนายน ซึ่งเป็นวันสิ่งแวดล้อมโลก ลูกค้าที่ไม่รับถุงพลาสติก และช้อปครบ 800 บาทขึ้นไป รับเพิ่มทันที! ถุงผ้าลดโลกร้อน มูลค่า 19 บาท 1 ใบ นอกจากนี้ยังจัดเตรียม “กรีน เช็กเอาต์” (Green Checkout) หรือแคชเชียร์ช่องพิเศษ ที่จะอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าที่งดรับถุงพลาสติก หรือนำถุงผ้ามาเอง ที่เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ , ท็อปส์ มาร์เก็ต และ ท็อปส์ ซูเปอร์สโตร์ทุกสาขาอีกด้วย ส่วนแฟมิลี่มาร์ท จะเข้าร่วมแคมเปญ โดยรณรงค์ให้ลูกค้าปฏิเสธรับถุงพลาสติกทุกวัน และจะงดแจกถุงพลาสติกแก่ลูกค้าในทุกวันที่ 4 ของเดือน นอกจากนี้ยังมีแฟมิลี่มาร์ทอีก 3 สาขาที่จะงดการให้ถุงพลาสติกแก่ลูกค้าเป็นการถาวร ได้แก่ สาขามหาวิทยาลัยมหิดล, สาขากรมอนามัย และ สาขาเซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ ชั้น 21 โดยตั้งเป้าภายในปี 2562 จะเพิ่มจำนวนแฟมิลี่มาร์ทที่งดการให้ถุงพลาสติก รวมเป็น 10 สาขา

กลุ่มค้าปลีกเซ็นทรัล  ดีเดย์เลิกใช้ถุงพลาสติก 5 มิถุนายนนี้

ด้านนางณัฐธีรา จิราธิวัฒน์ บุญศรี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลได้ริเริ่มรณรงค์ลดปริมาณการใช้ถุงพลาสติกในห้างฯ มาอย่างต่อเนื่องกว่า 11 ปี กับโครงการ “เซ็นทรัล เลิฟ ดิ เอิร์ธ” (Central Love the Earth) โดยลดถุงพลาสติกได้ทั้งหมด กว่า 95 ล้านใบ และในปีนี้ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล และเซน มีความยินดีที่จะผนึกกำลังกับกลุ่มธุรกิจในเครือสานต่อนโยบายรักษ์สิ่งแวดล้อม ต่อยอดแคมเปญ เซ็นทรัล เลิฟ ดิ เอิร์ธ ‘เซย์ โน ทู พลาสติก แบ็กส์’ เพื่อก้าวสู่การเป็นห้างสรรพสินค้ารายแรกของประเทศไทยที่ปลอดถุงพลาสติก กระตุ้นจิตสำนึกรักษ์โลก และช่วยลดภาวะโลกร้อน ไม่เพียงเท่านั้น แคมเปญนี้ ยังได้รับความสนับสนุนจาก อธิศ รุจิรวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจเนอรัล คาร์ด เซอร์วิสเซส จำกัด ผู้ให้บริการ บัตรเครดิต เซ็นทรัล เดอะวัน มอบคะแนนเดอะวัน เพิ่มอีก 1 เท่า รวมเป็นทั้งสิ้น 40 คะแนน

กลุ่มค้าปลีกเซ็นทรัล  ดีเดย์เลิกใช้ถุงพลาสติก 5 มิถุนายนนี้

“นอกจากนี้ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล และเซนยังได้จัดทำถุงผ้าคอลเลกชั่นใหม่ เป็นแบบพับได้และลูกค้าสามารถพกพาได้สะดวก ง่ายต่อการใช้งาน รวมถึงกระเป๋าโท้ต (Tote Bag) ที่มีให้เลือกทั้งขนาดเล็ก และขนาดใหญ่ เหมาะกับความต้องการใช้งานที่หลากหลาย พร้อมลวดลายทันสมัย ใช้ได้ทุกเพศทุกวัย โดยจะวางจำหน่ายที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลทุกสาขา และเซน ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมนี้ เป็นต้นไป ในราคาเพียง 35 บาท และ 50 บาทเท่านั้น”